Categories
Content

Toyota Yaris 2023 ดีไซน์ใหม่ โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร

Toyota Yaris 2023

คุณพร้อมที่จะเป็นเจ้าของแล้วหรือยังสำหรับ Toyota Yaris 2023 ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ และหนึ่งสิ่งที่ทำให้เราจะไม่พูดถึงเลยนอกจากเรื่องของสมรรถนะก็คือเรื่องของดีไซน์ ที่โดดเด่นในส่วนของกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์สุด ๆ ทำให้เราลืมรุ่นก่อนหน้าไปได้เลย และที่สำคัญ Yaris รุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมรุ่นย่อยทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Sport, Smart, Premium และ Premium S ซึ่งเป็นรุ่นที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ด้วย

รีวิว Toyota Yaris 2023 รุ่น Premium S ตัวท้อปสุดของซีรีส์นี้

Toyota Yaris 2023

Toyota Yaris 2023 รุ่น Premium S คือรถรุ่นท้อปของ โตโยต้ายาริส ปี 2023 โดยรุ่นนี้จะมาพร้อมเครื่องยนต์ 2 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-iE 1,197 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) 68 กิโลวัตต์ ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 109 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที แบบอัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock และขับเคลื่อนล้อหน้า โดยทั้ง 4 รุ่นย่อยจะเป็นเครื่องยนต์ประเภทเดียวกัน จึงให้กำลังแรงม้า และแรงบิดที่เท่ากัน

แต่สิ่งที่ทำให้รถทั้ง 4 รุ่นมีความแตกต่างกันนั้นคือในเรื่องของออปชัน และการตกแต่ง โดย Yaris โฉมใหม่ 2023 รุ่น Premium S การตกแต่งภายนอกจะมาพร้อมวัสดุตกแต่งสปอยเลอร์หลังคาและกระจกด้านหลัง ที่รุ่นอื่น ๆ จะไม่มี ภายในเบาะทรงสปอร์ตหุ้มด้วยหนังและหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยสีทูโทนแดง – ดำ กระจกด้านข้างคนขับมีระบบป้องกันการหนีบ 

นอกจากนี้ New Toyota Yaris 2023 ยังมีจอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่เป็นแบบจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว จอกลางหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมระบบ Apple CarPlay และ Android Auto รองรับระบบเชื่อมต่อด้วย Bluetooth มีพอร์ต หรือช่องต่ออุปกรณ์ให้อย่างครบครัน ทั้งช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB Type-C สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12V บริเวณคอนโซลกลาง และที่สำคัญรุ่นนี้และรุ่น Premium ยังมาพร้อมกับกล้องวิดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์ (DVR) ซึ่งจะอยู่บริเวณกระจังหน้าใต้โลโก้ Toyota 

รถยนต์Toyota Yaris 2023 ราคา 559,000 สำหรับรุ่นเริ่มต้น Sport

สำหรับ รถยนต์Toyota Yaris 2023 ปัจจุบันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 559,000 บาท สำหรับToyota Yaris Sport ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น ส่วนรุ่น Smart ราคา 619,000 บาท Premium ราคา679,000 บาท และToyota Yaris Premium S ราคา 694,000 บาท 

นอกจากนี้สีของตัวรถยังมีให้เลือกมากถึง 8 สี ได้แก่ Cement Gray Metallic / Black Roof, Spicy Scarlet / Black Roof, Platinum White Pearl / Black Roof, Red Mica Metallic / Black Roof, Platinum White Pearl, Urban Metal, Metal Stream Metallic และ Attitude Black Mica โดยสีต่าง ๆ เหล่านี้จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด 

Suzuki Hayabusa 2023 บิ๊กไบค์ระดับตำนานที่กลับมาโลดแล่นบนท้องถนนอีกครั้ง

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
Content

Suzuki Hayabusa 2023 บิ๊กไบค์ระดับตำนานที่กลับมาโลดแล่นบนท้องถนนอีกครั้ง

Suzuki Hayabusa 2023

Suzuki Hayabusa นับว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ต หรือ บิ๊กไบค์ ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งในยุค 90s – 2000s อีกทั้งยังปรากฏตัวในภาพยนต์ชื่อดังอีกหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งล่าสุด Suzuki Hayabusa 2023 กลับมาอีกครั้ง แต่ยังคงไว้ซึ่งดีไซน์ หรือ รูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Hayabusa แต่สิ่งที่ยกใหม่หมดคือเรื่องของเครื่องยนตร์ และขุมพลัง ที่งานนี้บอกได้เลยว่า รุ่นปี 2023 แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

Suzuki Hayabusa 2023 เครื่องยนต์ขนาด 1,339 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า

Suzuki Hayabusa 2023

Suzuki Hayabusa 2023ถูกเปิดตัวภายใต้ชื่อ “Suzuki All New Hayabusa” ซึ่งเป็นรถที่ทาง Suzuki พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็นับเป็นเวลากว่า 24 ปี ดังนั้นเราเชื่อว่าใครที่เป็นสายบิ๊กไบค์ หรือ สายรถสปอร์ต ต้องรู้จักรถรุ่นนี้อย่างแน่นอน ซึ่งSuzuki All New Hayabusaนับว่าเป็น Gen 3 ที่พัฒนามาต่อจากรุ่นปี 2022 Generation เดียวกัน 

โดย New Suzuki Hayabusa 2023เป็นเจ้าของสถิติ Guinness World Records เนื่องจากเป็นรถจักรยานยนต์คันแรกของโลกที่ทำความเร็วเกิน 300 กม./ชม. ที่จะถูกจารึกอีกครั้ง ซึ่งSuzuki Hayabusa 2023 มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC 4 จังหวะ 1,339.8 ซีซี พร้อมระบบ Liquid-Cooled ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า เกียร์ 6 speed constant mesh ไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ และ โดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบ LED Combination จอแสดงผล TFT LCD แบบใหม่ ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถเห็นข้อมูล Active Data ได้แบบ Real-Time อีกทั้งยังมีโหมดขับขี่ให้เลือก 3 ระดับ และ Custom โหมด ที่คุณสามารถเลือกเองได้อีก 3 โหมดด้วยกัน มี Power Mode 3 ระดับ ที่จะตอบสนองคันเร่งได้อย่างรวดเร็ว เฉียบคม และนุ่มนวล ในแบบสปอร์ต และที่สำคัญคือรถรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบต่าง ๆ ที่ให้ทั้งความปลอดภัย และการเพิ่มประสิทธิภาพของรถอีกมากมายเลยทีเดียว

นอกจากนี้ Hayabusa 2023 มีขนาดอยู่ที่ 735 x 2,180 x 1,165 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) น้ำหนัก 264 กิโลกรัม และด้วยเฟรมแบบTwin-Spar และสวิงอาร์มอะลูมิเนียมอัลลอยด์ จึงทำให้รถรุ่นนี้มีโครงสร้างที่ทั้งแข็งแกร่ง และมีน้ำหนักเบา และเนื่องจากรถรุ่นนี้เป็นรถสปอร์ต จึงเป็นรถที่ออกแบบมาให้ที่นั่งมีให้เฉพาะของคนขี่เท่านั้น ซึ่งจะแตกต่างจากรถสายทัวร์ริ่งนั่นเอง 

Hayabusa 2023 ราคา 899,000 บาท มีสีให้เลือก 6 สี 

Suzuki Hayabusa2023 ปัจจุบันพร้อมให้คุณสามารถจองเป็นเจ้าของผ่านตัวแทนจำหน่าย หรือ ศูนย์ให้บริการของSuzuki ทั่วประเทศได้แล้ววันนี้ โดยSuzuki Hayabusa มีสีให้เลือกทั้งหมด 6 สีด้วยกัน ได้แก่ Metallic Thunder Gray / Candy Daring Red, Pearl Vigor Blue / Pearl Brilliant White, Metallic Mat Black No.2 / Glass Sparkle Black, Glass Sparkle Black / Candy Burnt Gold, Metallic Matte Sword Silver / Candy Daring Red และ Pearl Brilliant White / Metallic Matte Stellar Blue ซึ่งทุกสีมีราคาเริ่มต้นที่ 899,000 บาท 

Mike Hailwood อดีตนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ และ รถยนต์ ผู้ล่วงลับ

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ16 ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 นุ่มเงียบ ดอกยางเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

Mike Hailwood อดีตนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ และ รถยนต์ ผู้ล่วงลับ

Mike Hailwood

กีฬารถแข่ง” เป็นกีฬาที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน และ เป็นกีฬาที่มีการชิงแชมป์และมีชื่อเสียงระดับโลก และรายการแข่งรถต่าง ๆ ก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับนักแข่งหลาย ๆ คน หนึ่งในนั้นคือ Mike Hailwood นักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ และ รถยนต์ (motorcycle racer และ racing driver) ชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงระดับโลกรวมไปถึงผลงานของเขาที่สร้างไว้ตลอดการอยู่ในสายอาชีพของเขาก็เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ประวัติของแชมป์โลก 9 สมัย “Mike Hailwood

Mike Hailwood

Mike Hailwood หรือ Stanley Michael Bailey Hailwood เป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์ และนักแข่งรถมืออาชีพชาวอังกฤษ เขาได้รับการยกย่องจากหลาย ๆ คนว่าเป็นหนึ่งในนักแข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โดย Mike ลงแข่งขันในรายการ Grand Prix Motorcycle World Championships ตั้งแต่ปี 1958 – 1967 และเขาเป็นที่รู้จักในชื่อ “Mike the Bike” เนื่องจากความสามารถในการขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีความจุเครื่องยนต์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ในระหว่างปี 1963 – 1974 เขายังได้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ Formula One อีกด้วย

โดย Hailwood เกิดในวันที่ 2 เมษายน 1940 ที่ Oxfordshire มณฑลที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ โดยเป็นลูกชายคนเดียวและลูกคนโตของ Stanley William Bailey Hailwood นักธุรกิจเศรษฐีและกรรมการผู้จัดการของบริษัทขายรถยนต์ ตลอดจนตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จึงทำให้เขาคลุกคลีกับวงการรถยนต์มาตั้งแต่เด็ก และเขาเรียนรู้ที่จะขี่รถมินิไบค์ตั้งแต่อายุยังน้อยในทุ่งหญ้าใกล้บ้านของเขา

จนกระทั่งวันที่ 22 เมษายน 1957 ไมค์ในวัย 17 ปี เขาได้ลงแข่งรถครั้งแรกในชีวิต ที่ Oulton Park และจบอันดับที่ 11 และต่อมาในปี 1958 ไมค์ก็ได้ร่วมการแข่งขันในหลายรายการทั้ง 125cc, 250cc, 350cc และ 500cc โดยอยู่ภายใต้สังกัดทีมหลายทีม หนึ่งในนั้นคือ Ducati ซึ่งเป็นทีมที่เขาสามารถนำทีมไปความอันดับ 3 ในการแข่งขันในรายการ 125cc ในปี 1959 ซึ่งนับว่าเป็นการแข่งขันครั้งที่ 5 เท่านั้นสำหรับเส้นทางการเป็นนักแข่งของเขา

เส้นทางการเป็นนักแข่งของไมค์ก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี 1981 ไมค์ในวัย 40 ปี ในขณะที่ไมค์และครอบครัวเดินทางกลับจากทานอาหารนอกบ้านกับลูก ๆ จู่ ๆ ก็มีรถบรรทุกพุ่งผ่านเครื่องกีดขวาง และพุ่งเข้าชนรถของพวกเขาเข้าอย่างจัง จนทำให้ลูกสาวของเขา Michelle วัย 9 ขวบ เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ และ ในขณะที่ไมค์และ David ลูกชายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเป็นที่น่าเศร้าที่ไมค์เสียชีวิตใน 2 วันหลังจากนั้น แต่ก็ยังที่มีเรื่องดีอยู่บ้างจากเหตุการณ์อันเลวร้ายในครั้งนั้นที่ David สามารถรอดชีวิตมาได้ ด้วยอาการบาดเจ็บเล็กน้อย และในปี 2020 ที่ผ่านมา Pauline Hailwood ภรรยาของเขาก็ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยอาการเจ็บป่วยของเขา

Mike Hailwood

แชมป์โลก 9 สมัย กับชัยชนะกรังด์ปรีซ์ 76 รายการ และ 112 รายการบนโพเดียมระดับกรังด์ปรีซ์

Mike Hailwoodนับว่าเป็นนักแข่งระดับตำนานอีกหนึ่งคน ที่มีผลงานที่อยู่ในระดับแถวหน้าของวงการเลยก็ว่าได้ โดย ไมค์ เฮลวูด นอกจากจะมีฝีมือไม่ธรรมดาแล้ว และในปี 1978 โลกของวงการจักรยานยนต์ต้องตกตะลึงเมื่อได้ข่าวว่าMike Hailwoodในวัย 38 ปี จะกลับมาลงแข่งที่ Isle of Man TT การแข่งขันที่อันตรายที่สุดในโลก และในครั้งนั้นเขาได้ใช้ รถที่ออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะอย่าง “F1 TT Ducati” หรือ บางคนเรียกมันว่า “” และเขาก็สามารถความแชมป์มาจนได้ ทำให้จำนวนชัยชนะใน Isle of Man TT ของเขาเพิ่มขึ้นจาก 13 เป็น 14 สมัยทันที

นอกจากนี้ไมค์ยังเคยเป็นแชมป์โลกในรายการแข่งมอเตอร์ไซค์ 9 สมัย โดยแช่งโลกครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1961 ในการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ 250 cc ซึ่งตั้งแต่ปี 1961 – 1967 ไมค์สามารถรักษาตำแหน่งแชมป์มาได้ 7 ปี ซ้อนเลยทีเดียว นอกจากนี้ในปี 1972 เขายังสามารถคว้าแชมป์ European Formula Two Championship มาได้อีกเช่นกัน เรียกได้ว่าตลอดการเป็นนักแข่งของเขา เขาทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ในทุก ๆ รายการแข่งขันจริง ๆ 

BMW X1 2023 รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมเปิดเผยราคาไทยแบบฉ่ำ ๆ

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ16 ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 นุ่มเงียบ ดอกยางเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

BMW X1 2023 รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมเปิดเผยราคาไทยแบบฉ่ำ ๆ

BMW X1 2023

เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ BMW X1 2023 รถยนต์ SUV 5 ที่นั่ง รุ่นใหม่ล่าสุดจาก BMW ที่ล่าสุดพร้อมให้แฟนชาวไทยเป็นเจ้าของแล้ว ซึ่งสเปคของรถรุ่นนี้จะน่าสนใจขนาดไหน วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสเปคในไทยของรถรุ่นนี้มาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว

เปิดสเปค BMW X1 2023 รุ่นจำหน่ายในไทย แถมให้ออปชันมาให้แบบจัดเต็ม

BMW X1 2023

สำหรับBMW X1 2023 หรือBMW X1 sDrive18i คือรถ SUV รุ่นใหม่ล่าสุดจากBMW ที่เผยโฉมให้แฟน ๆ ได้สัมผัสภายในงานมอเตอร์โชว์ 2023ที่ผ่านมา โดยรถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 3 สูบ เทคโนโลยีBMW TwinPower Turbo 1,499 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า 115 กิโลวัตต์ ที่ 4,900-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ที่ 1,500-4,600 รอบต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แบบ Steptronic พร้อมคลัตช์คู่ ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า โดย All New BMW X1 2023มีอัตราเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ภายใน 9 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 215 กม./ชม. เลยทีเดียว และBMW X1 2023 อัตราสิ้นเปลือง เชื้อเพลิงแบบผสมมาตรฐาน WLTP อยู่ที่ 12.6 กิโลเมตร/ลิตรเท่านั้น

มิติรถยนต์อยู่ที่ 4,500 x 1,845 x 1,642 มม. (ยาวxกว้างxสูง) ปริมาตรในการบรรจุของ 540 – 1,600ลิตร ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และการตกแต่งภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ เบาะหุ้มหนัง Sensatec KHMY แบบมีรูพรุน สี Mocha เบาะหลังสามารถปรับการใช้งานให้เข้ากับสถานการณ์ได้ โดยสามารถปรับเบาะนั่งแยกจากกันได้อิสระมากถึง 130 มิลลิเมตรในอัตราส่วน 60:40 พวงมาลัยสปอร์ตหุ้มหนังสีดำมาพร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน พร้อมเทคโนโลยีระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant) นอกจากนี้ในส่วนของระบบความบันเทิงและการสื่อสารก็ให้มาแบบจัดเต็มทั้ง ระบบ BMW ConnectedDrive, ระบบเครื่องเสียงแบบ Stereo, จอแสดงผลแบบโค้ง ความคมชัดสูง และระบบเชื่อมต่อ Smartphone เป็นต้น

รถยนต์BMW X1 2023 เข้าไทย พร้อมราคาเบา ๆ ที่ 2,209,000 บาท

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังรอ รถยนต์BMW X1 2023ปัจจุบันรถรุ่นนี้เข้าไทย พร้อมเปิดเผยราคาจำหน่ายในไทยแล้วเรียบร้อย โดย รถยนต์BMW X1 2023ราคา เริ่มต้นอยู่ที่ 2,209,000 บาท พร้อม 3 สีให้เลือก ได้แก่ Alpine White solid, Black Sapphire metallic และ Space Silver metallic รวมไปถึงสีเบาะ และอุปกรณ์เสริมในรถที่ให้เลือก 2 สี ได้แก่ Sensatec perforated | Black และ Sensatec perforated | Mocha โดยการตกแต่งต่าง ๆ เหล่านี้จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด ดังนั้นงบไม่บานปลายแน่นอน และสำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากลองสัมผัสรถยนต์รุ่นนี้ก็สามารถติดต่อสอบถามไปยังโชว์รูม BMW ก่อนที่จะตัดสินใจจองก่อนก็ได้เช่นกัน

รวม 5 กระบะ 4 ประตู ราคาไม่ถึงล้าน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ16 ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 นุ่มเงียบ ดอกยางเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

รวม 5 กระบะ 4 ประตู ราคาไม่ถึงล้าน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

กระบะ 4 ประตู

กระบะ 4 ประตู นับว่าเป็นรถยนต์อีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมสูง และเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน เพราะนอกจากรถยนต์ประเภทนี้จะมีห้องโดยสารที่กว้างขวาง ให้ผู้โดยสารสามารถนั่งได้อย่างสบายไม่รู้สึกอึดอัดแล้ว รถกระบะยังสามารถบรรทุกของได้กว่ารถประเภทอื่น ๆ อีกด้วย (ไม่รวมรถบรรทุกนะ ^^) ซึ่งในวันนี้เราอยากแนะนำ 5 รถกระบะ 4 ประตูที่มีราคาไม่ถึงล้านมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนที่อยากได้รถกระบะมาไว้ใช้งานในช่วงนี้

แนะนำ 5 กระบะ 4 ประตู ที่จัดเต็มทั้งพละกำลังและดีไซน์

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังรอรีวิว กระบะ 4 ประตู ที่ให้คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ด้วยงบสบายกระเป๋า ไม่ถึงหลักล้านบาท วันนี้เราได้รวม 5 รถกระบะ 4 ประตู จากหลากหลายแบรนด์ดังมาแนะนำให้เพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว

กระบะ 4 ประตู
  • Hilux Revo Z Edition

รถกระบะ 4 ประตู Toyota ที่เปิดตัวมาพร้อม 3 รุ่นย่อย เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler 2,393 ซีซี ที่กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (110 กิโลวัตต์) ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตรที่ 1,600 – 2,000 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift แหนบซ้อน พร้อมช็อคแอบซอร์บเบอร์ปรับจูนพิเศษ พร้อมอัลลอย 17 นิ้ว

ราคาเริ่มต้น: 629,000 บาท

  • Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 

รถกระบะตัวตึงจาก Mitsubishi ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ ดีเซล 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว MIVEC VG Turbo Intercooler 2,442 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า (133 กิโลวัตต์) ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ล้ออัลลอย 17 นิ้ว มีแผงกันกระแทกด้านล่าง พร้อมแชสซีส์เหล็กกล้า 2 ชั้น จึงทำให้รถรุ่นนี้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

ราคาเริ่มต้น: 956,000 บาท

  • Isuzu D-Max Hi-Lander

รถกระบะ 4 ประตู Isuzu Hi-Lander 1.9 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen2 4 สูบ แถวเรียง 16 วาลว DOHC พรอม VGS เทอรโบและอินเตอรคูลเลอร 1,898 ซีซี กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (110 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800–2,600 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา และ อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม RevTronic ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ อีกทั้งยังพิเศษสุด ๆ ด้วยช่วงล่างด้านหลัง ที่เสริมด้วยแหนบยาวแบบ Long Span จึงช่วยให้ตัวแหนบมีความแข็งแกร่ง ทนทาน ยืดหยุ่นและให้ความนุ่มนวลกว่าแหนบปกติ

ราคาเริ่มต้น: 840,000 บาท

กระบะ 4 ประตู
  • Mazda Double Cab

รถกระบะ 4 ประตูที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VGS เทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ 1,898 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (110 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ 6 สปีด ล้ออัลลอย 15 – 17 นิ้ว ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และที่สำคัญโครงสร้างของตัวถังยังถูกผลิตขึ้นจากเหล็กกล้า ดังนั้นจึงทำให้รถรุ่นนี้ทนต่อแรงดึงสูง (High Tensile Steel)

ราคาเริ่มต้น: 771,000 บาท  

กระบะ 4 ประตู
  • Ford Next-Gen Ranger XLT

กระบะพันธุ์ดุสัญชาติอเมริกัน ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0L Turbo 4 สูบ 1996 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (125 กิโลวัตต์) ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ 6 สปีด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 

ราคาเริ่มต้น: 809,000 บาท

จุดเด่นของรถกระบะ 4 ประตู ภายในกว้างขวาง บรรทุกของได้เยอะ

ตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า กระบะ 4 ประตู เป็นรถยนต์ที่นอกจากจะมีห้องโดยสารที่กว้างขวางสามารถโดยสารได้สูงสุดถึง 5 คนแล้ว รถกระบะ ยังสามารถใช้ขนสัมภาระได้มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับรถประเภทอื่น ๆ ซึ่งจุดนี้นับว่าเป็นจุดเด่นของรถประเภทนี้เลยก็ว่าได้ 

ที่สำคัญบางคนอาจจะยังลังเลใจว่าระหว่าง กระบะ 4 ประตู กับ SUV ควรเลือกซื้ออะไรดีเนื่องจากรถทั้ง 4 ประเภทนอกจากจะมีราคาที่อยู่ในเรทเดียวกันแล้ว ยังมีภายในกว้างขวาง โดยสารได้หลายคน รวมไปถึงยังสามารถบรรทุกสัมภาระได้จำนวนมากเช่นเดียวกัน ซึ่งเราอยากแนะนำเช่นนี้ว่าการเลือกซื้อรถควรเลือกซื้อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ หรือสอดคล้องกับการใช้งานของเรา เช่นสำหรับคนที่มีครอบครัวใหญ่ รถ SUV ก็อาจจะเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณมากกว่า เนื่องจากส่วนใหญ่มักจะมีที่นั่งตั้งแต่ 5 – 7 ที่นั่งขึ้นไป แต่สำหรับใครที่ต้องเน้นการบรรทุกของเป็นหลักรถกระบะก็อาจจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า

Silverado EV รถกระบะไฟฟ้า รุ่นแรกของ Chevrolet

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ16 ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 นุ่มเงียบ ดอกยางเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

Silverado EV รถกระบะไฟฟ้า รุ่นแรกของ Chevrolet

รถกระบะไฟฟ้า

ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์หลาย ๆ แบรนด์เริ่มมีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก และ Chevrolet แบรนด์รถยนต์สัญชาติอเมริกันก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน โดยปัจจุบันทาง Chevrolet ได้มีการวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วหลายประเภทด้วยกันและ รถกระบะไฟฟ้า ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีกไม่ช้านี้

รถกระบะไฟฟ้า รุ่นแรกของ Chevrolet ที่มาพร้อมกำลังสูงสุด 754 แรงม้า

รถกระบะไฟฟ้า

อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดีว่า Chevrolet เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติอเมริกัน ดังนั้นรถยนต์จากแบรนด์จึงมีภาพลักษณ์รวมไปถึงพละกำลังที่ดุดันซึ่งจะแตกต่างจากรถจากฝั่งเอเชียอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึง รถกระบะไฟฟ้า รุ่นใหม่ล่าสุดนี้เช่นกัน เพราะถึงแม้ว่า Chevrolet Silverado EV รุ่นนี้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ก็ยังมาพร้อมภาพลักษณ์และพละกำลังที่ดุดันไม่แพ้รถยนต์สันดาปเลยก็ว่าได้

โดย รถกระบะไฟฟ้าเชฟโรเลต รุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์คู่ที่ถูกติดตั้งที่เพลาหน้าที่ท้าย ที่ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 754 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 785 ปอนด์ – ฟุต อัตราเร่งจาก 0 – 60 ไมล์/ชม. ใน 4.5 วินาที อัตราการลากจูงสูงสุด 10,000 ปอนด์ และที่สำคัญคือยังสามารถขับได้ไกลถึง 400 ไมล์ (644 กม.) ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และที่สำคัญ กระบะไฟฟ้า ยังมาพร้อมนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า “Ultium” โดย Ultium เป็นแพลตฟอร์มที่จะใช้ในการบรรจุแบตเตอรี่ และจะถูกนำไปใช้กับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ ในเครือเจเนรัลมอเตอร์อีกด้วย

Silverado EV ที่พร้อมฟังก์ชันการใช้งานแบบจัดเต็ม 

สำหรับ รถกระบะไฟฟ้า จากเชฟโรเลตรุ่นนี้คาดว่าจะวางจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2023 นี้ ซึ่งสำหรับในไทยเราอาจจะต้องดูว่าจะมีผู้นำเข้าอิสระนำเข้ามาจำหน่ายหรือไม่ และที่สำคัญรถรุ่นนี้ยังจะถูกผลิตออกมาหลายรุ่นด้วยกัน แต่สำหรับรุ่นที่ทางแบรนด์เปิดให้จองในขณะนี้จะเป็นรุ่น Silverado EV RST ซึ่งจะเป็นการจองรถในล็อตที่ 2 ที่ผู้จองจะได้รับรถในช่วงปี 2024 โดย รถกระบะไฟฟ้าราคา เริ่มต้นอยู่ที่ $39,900 หรือราว ๆ 1,356,679.80 บาท

นอกจากนี้สำหรับการตกแต่ง รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานของรถรุ่นนี้ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นหน้าจอกลางขนาดใหญ่ 17 นิ้ว ผสานการทำงานกับ Google จึงให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและครบครัน อีกทั้งยังรองรับการสั่งการด้วยเสียง “Hey Google” อีกทั้งยังมีการติดตั้งจุดสำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้ารอบตัวรถ จึงทำให้คุณสามารถดึงเอาพลังงานจากตัวรถมาใช้งานได้สบาย ๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ส่วนฝากระโปรงหน้าก็มีช่องเก็บของขนาดใหญ่ให้คุณเก็บของได้อย่างจุใจเลยทีเดียว และที่สำคัญรถรุ่นนี้ยังถูกออกแบบให้พร้อมลุยไปกับทุกสภาพถนนและขับได้สบาย ๆ แม้ว่าจะเป็นการขับแบบออฟโรด หรือออนโรด  

อย่างไรก็ตาม พอได้เห็นภาพรวมของรถยนต์จาก Chevrolet รุ่นนี้ก็อดเสียดายไม่ได้ที่เราจะไม่ได้สัมผัสรถยนต์ไฟฟ้าที่จัดเต็มทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าจะมีผู้นำเข้าอิสระรายไหนไหมที่จะนำเข้ารถรุ่นนี้มาให้เราได้สัมผัสรถของจริง

อ่านบทความอื่น ๆ >> DS9 E-Tense 4×4 360 รถยนต์ Plug-in Hybrid สุดยอดความหรูหราจากฝรั่งเศส

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ16 ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 นุ่มเงียบ ดอกยางเกาะถนนได้ดี