Categories
Content

รถ SUV สายพันธุ์ใหม่จาก Ford Bronco เข้าไทยไหม ต้องติดตาม!

Ford Bronco เข้าไทยไหม

Ford Bronco เป็นรถเอสยูวีสายลุยรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกาและยุโรป Ford Bronco เข้าไทยไหม เป็นคำถามที่หลายคนให้ความสนใจ สำหรับประเทศไทยนั้นยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะมีการนำเข้ามาจำหน่าย Ford Bronco เข้าไทยเมื่อไหร่ หากนำเข้า Ford Bronco Raptor ราคารวมภาษีจะสูงหรือไม่ตรงนี้ต้องติดตามกันต่อไป

Ford Bronco เข้าไทยไหม

Ford Bronco รุ่นที่น่าสนใจ ต่างประเทศให้ความนิยม มีรุ่นไหนบ้าง ราคาเท่าไหร่

  • Ford Bronco Base เป็นรุ่นสุดคลาสสิค ที่ภายนอกสุดเท่ ราคาเริ่มต้นที่ 34,890 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,200,000 บาท) เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่นักสะสมรถต่างควานหา Ford Bronco มือสอง มาประดับไว้ที่โรงจอดรถของตัวเอง
  • Ford Bronco Big Bend เป็นรุ่นที่เพิ่มออปชั่นและความสะดวกสบายมากขึ้น Ford Bronco ราคาเริ่มต้นที่ 39,130 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,300,000 บาท)
  • Ford Bronco Black Diamond เป็นรุ่นที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรด Ford Bronco ราคาเริ่มต้นที่ 42,630 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,340,000 บาท)
  • Ford Bronco Outer Banks เป็นรุ่นที่เน้นความสะดวกสบายและสไตล์ที่โดดเด่น ราคาเริ่มต้นที่ 47,940 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,600,000 บาท)
  • Ford Bronco Wildtrak เป็นรุ่นที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรดขั้นสูง Ford Bronco ราคาเริ่มต้นที่ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,920,000 บาท)
  • Ford Bronco Raptor เป็นรุ่นสมรรถนะสูงที่สุดของตระกูล Bronco เป็นรุ่นยอดนิยมที่สุด Ford Bronco Raptor ราคาเริ่มต้นที่ 89,835 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,900,000 บาท) ข้อดีของรุ่นนี้นอกจากเป็นที่นิยมแล้วราคา Ford Bronco มือสอง ในต่างประเทสไม่ค่อยตกอีกด้วย

Ford Bronco เข้าไทยไหม ?

Ford Bronco เข้าไทยไหม Ford Bronco เข้าไทยเมื่อไหร่ น่าจะเป็นคำถามของใครหลายคน จากข้อมูลล่าสุดของฟอร์ด ประเทศไทย ระบุว่ายังไม่มีแผนที่จะนำเข้า Ford Bronco เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย แต่ความเป็นได้ในการครอบครองอาจเป็นการครอบครองเป็น Ford Bronco มือสองไปก่อน เนื่องจากปัจจัยหลายประการ เช่น ภาษีนำเข้าที่สูง ความต้องการของผู้บริโภคในไทยที่ยังไม่สูงมากนัก และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขับขี่ในแบบออฟโรด 

Ford Bronco เข้าไทยไหม

อนาคตของ Ford Bronco

อย่างไรก็ตาม ยังมีกระแสข่าวลือว่าฟอร์ด ประเทศไทย อาจนำเข้า Ford Bronco เข้ามาจำหน่ายในอนาคต เนื่องจากมีความต้องการจากผู้บริโภคชาวไทยที่เพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะนำเข้าเข้ามาจำหน่ายในจำนวนจำกัด

ความน่าสนใจหากนำเข้า Ford Bronco มาขายได้จริง

หากนำเข้า Ford Bronco มาจำหน่ายในประเทศไทยจริง คาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นรถเอสยูวีสายลุยที่มีสมรรถนะสูง ดีไซน์โดดเด่น และ Ford Bronco ราคาไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งอย่าง Jeep Wrangler แต่ Ford Bronco เข้าไทยเมื่อไหร่นั้นคงต้องติดตามกันต่อไป

ปัจจัยที่อาจทำให้ Ford Bronco เข้าไทยในอนาคต

จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น คาดว่ามีปัจจัยหลัก 2 ประการที่อาจทำให้ Ford Bronco เข้าไทยในอนาคต ได้แก่

  • ความต้องการจากผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น ในปัจจุบันมีผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากที่ชื่นชอบรถเอสยูวีสายลุยอย่าง Ford Bronco Raptor ราคาที่ไม่สูงมาก และกำลังมองหารถรุ่นนี้มาใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบออฟโรด
  • ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขับขี่ในแบบออฟโรด ในปัจจุบันมีเส้นทางออฟโรดในไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคชาวไทยมีความสนใจในการขับขี่แบบออฟโรดมากขึ้น

หากทั้ง 2 ปัจจัยนี้มีความชัดเจนมากขึ้น คาดว่าฟอร์ด ประเทศไทย อาจพิจารณานำเข้า Ford Bronco เข้ามาจำหน่ายในอนาคต

สรุป

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า Ford Bronco เข้าไทยเมื่อไหร่ จะมีการนำเข้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวลือว่าอาจนำเข้าเข้ามาจำหน่ายในอนาคต หากความต้องการจากผู้บริโภคชาวไทยเพิ่มมากขึ้น หาก Ford Bronco Raptor ราคารวมภาษีแล้วยังพอจับต้องได้ และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขับขี่ในแบบออฟโรดมีความพร้อมมากขึ้น เชื่อว่าได้รับความนิยมอย่างแน่นอน ช่วงนี้เราอาจได้เห็น Ford Bronco มือสอง จากต่างประเทศนำเข้ามาให้กับนักสะสมมากยิ่งขึ้น

Koenigsegg CC 850 สุดยอดไฮเปอร์คาร์แห่งปี 2022

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ18 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
Content

ซุปเปอร์คาร์ ในปี 2024 มีรุ่นไหนที่น่าสนใจ และราคาเท่าไหร่บ้าง

ถ้าพูดถึงรถที่แรง เร็ว และแพงที่สุดในโลก เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงรถซุปเปอร์คาร์กันอย่างแน่นอน เพราะรถ ซุปเปอร์คาร์ 2024 นั้นขึ้นชื่อเรื่องสมรรถนะที่เหนือชั้น ดีไซน์ที่สวยงาม และราคาที่สูงลิ่ว ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ รถซุปเปอร์คาร์คืออะไร รถซุปเปอร์คาร์มีรุ่นไหนบ้าง รถซุปเปอร์คาร์ราคากี่บาท และ ซุปเปอร์คาร์ กับ สปอร์ตคาร์ ต่างกันยังไง ?

ซุปเปอร์คาร์

ซุปเปอร์คาร์ คืออะไร 

  • รถซุปเปอร์คาร์คืออะไร :  (Supercar) นั้นถูกนิยามว่าเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีราคาแพง โดยรถซุปเปอร์คาร์ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับขุมพลังที่ทรงพลัง ดีไซน์ที่สวยงาม และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รถซุปเปอร์คาร์นั้นมักถูกผลิตโดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังระดับโลก เช่น Lamborghini, Ferrari, McLaren, Porsche, Aston Martin และ Bugatti เป็นต้น
  • เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของรถซุปเปอร์คาร์คืออะไร : รถซุปเปอร์คาร์นั้นมักมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบกันสะเทือนแบบปรับไฟฟ้า เป็นต้น เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่และการควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • รถซุปเปอร์คาร์มีรุ่นไหนบ้าง : .ซุปเปอร์คาร์ 2024 มีหลากหลายรุ่นให้เลือกสรร แต่ละรุ่นก็มีความโดดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสไตล์และความต้องการของผู้ขับขี่ ตัวอย่างรถซุปเปอร์คาร์มีรุ่นไหนบ้างคือ Lamborghini Aventador Ultimae , McLaren 765LT Spider , Ferrari 296 GTB , Porsche 911 GT3 RS , Bugatti Chiron Super Sport 300+ 

ซุปเปอร์คาร์กับ สปอร์ตคาร์ ต่างกันยังไง

ซุปเปอร์คาร์กับ สปอร์ตคาร์ ต่างกันยังไง ? อย่างที่เข้าใจกันดีว่า ซุปเปอร์คาร์2024 นั้น เป็นรถที่มีสมรรถนะสูง ดีไซน์ล้ำสมัย และราคาแพง เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร็วและแรง ต้องการรถที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ และไม่หวั่นเรื่องราคา โดย Supercar ส่วนใหญ่จะมีความเร็วสูงสุดมากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่สปอร์ตคาร์ส่วนใหญ่จะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 250-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ซึ่งรถสปอร์ตคาร์ ก็เป็นรถที่มีสมรรถนะสูง ดีไซน์สวยงาม และราคาสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบสปอร์ต แต่ไม่ต้องความเร็วและแรงระดับซุปเปอร์คาร์ คือคำตอบทั้งหมดของซุปเปอร์คาร์ กับ สปอร์ตคาร์ ต่างกันยังไง

ซุปเปอร์คาร์

ราคาของซุปเปอร์คาร์ 

รถซุปเปอร์คาร์ราคากี่บาท : รถซุปเปอร์คาร์นั้นมักจะมีราคาที่สูงลิ่ว โดยรถซุปเปอร์คาร์รุ่นใหม่ ๆ ส่วนใหญ่จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาทขึ้นไป ไปจนถึงร้อยล้านบาทเลยทีเดียว ตัวอย่างคำตอบของรถซุปเปอร์คาร์ราคากี่บาท คือ

  • Lamborghini Aventador Ultimae ราคาประมาณ 42,500,000 บาท
  • McLaren 765LT Spider ราคา 11,200,000  บาท
  • Ferrari 296 GTB ราคาเริ่มต้นที่ 21,900,000 บาท
  • Porsche 911 GT3 RS ราคา 33,000,000 บาท
  • Bugatti Chiron Super Sport 300+ ราคาประมาณ 128,000,000 บาท

จบกันไปแล้ว กับบทความของเราเกี่ยวกับ ซุปเปอร์คาร์2024 เพื่อนๆคงได้คำตอบทั้งหมดของ รถซุปเปอร์คาร์คืออะไร รถซุปเปอร์คาร์มีรุ่นไหนบ้าง ซุปเปอร์คาร์กับ สปอร์ตคาร์ ต่างกันยังไง และ รถซุปเปอร์คาร์ราคากี่บาทกันไปแล้ว โดยสามรถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับไปกับรถซุปเปอร์คาร์ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมรถซุปเปอร์คาร์ชั้นนำทั่วประเทศ

Koenigsegg CC 850 สุดยอดไฮเปอร์คาร์แห่งปี 2022

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ18 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
Content

5 รายการ ตารางแข่ง f1 ปี 2024 ที่น่าติดตามที่สุด ห้ามพลาด!

ตารางแข่ง f1

ศึกแข่งรถเสียงเครื่องยนต์คำราม ราชาทางเรียบอย่าง formula 1 Championship ที่น่าตื่นเต้นกำลังจะกลับมาทำให้โลกตะลึงกันอีกครั้งแล้ว ซึ่งในกำหนดการ ปฏิทินตารางแข่ง f1 ฤดูกาล 2024 ก็ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน โดยฤดูกาลนี้ formula 1 ถ่ายทอดสด กันทั้งหมด  24 แมตช์ และยังคงเปิดเกมในบาห์เรน รายการ บาห์เรนกรังด์ปรีซ์ ในวันที่ 2 มีนาคม และศึก F1 2024 นี้จะสิ้นสุดในวันที่ 8 ธันวาคมที่อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เช่นเคย 

ทั้งนี้จะการเปลี่ยนแปลงวันเวลาในบางพื้นที่รายการเพื่อความสะดวกในการเดินทาง และเรื่องของสภาพอากาศ แต่ใน f1 ตารางคะแนน จะยังคงตัดสินเหมือนเดิม และสำหรับในตารางแข่ง f1ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมการแข่งนั้น ได้แก่ Grand Prix ญี่ปุ่น จะย้ายจากเดือนตุลาคม มาเป็นวันที่ 7 เมษายน ด้วยปัญหาทางสภาพอากาศ และอาเซอร์ไบจานกรังปรีซ์เช่นกัน โยกจากเมษา ไปแข่งกันในวันที่ 15 กันยายน รวมถึงเจ้าภาพเองเช่นกัน เดิมทีF1 2024 กำหนดไว้ในวันอาทิตย์ และเปลี่ยนมาเป็นวันเสาร์ที่ 2 มี.ค. ด้วยเพราะยังอยู่ในช่วงถือศีลอด 

อย่างไรก็ดีนอกจากนี้ก็มีแมตช์ระดับโลกที่น่าติดตามอีกมากมาย และถือได้เป็นรายการใหญ่ที่ได้รับความนิยมที่สุดและมีนักแข่ง formula 1 ชื่อดังที่สุดในโลกที่พร้อมจะทำลายสถิติ f1 ตารางคะแนน อยู่อย่างมากมาย เอาล่ะมาดูกันว่า F1 2024 จะมีรายการใด แข่งขันกันที่สนามไหน วันไหนกันอีกบ้าง มาดูกันเลย!

1. ตารางแข่ง f1 รายการออสเตรเลียนกรังด์ปรีซ์:

Australian Grand Prix ถือเป็นรายการแข่ง formula 1 เก่าแก่และยอดนิยมที่จัดขึ้นในเมลเบิร์นที่สนาม Albert Park Circuit มาตั้งแต่ปี 1928 แล้ว และที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องรูปแบบของสนามแข่ง formula 1 ที่ท้าทายนักแข่ง formula 1 และใน formula 1 ถ่ายทอดสด ก็ไม่เคยพลาดที่จะทำให้แฟน ๆ หัวใจเต้นรัว อีกทั้งยังมาพร้อมสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้ 

  • วันที่เริ่มแข่ง:  24 พฤษภาคม 2024
  • สนามแข่ง: Albert Park Circuit
  • ระยะทาง: 307.574 กม. / 191.118 ไมล์

2. ตารางแข่ง f1 รายการโมนาโกกรังด์ปรีซ์:

Monaco Grand Prix ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในรายการแข่ง F1 ที่โดดเด่นซึ่งจัดขึ้นบนถนนในมอนติคาร์โล โดยเริ่มครั้งแรกในปี 1928 และขึ้นชื่อมากในด้านสนามแข่งที่แคบและอันตรายทำให้นักแข่ง formula 1 ต้องมีทักษะความแม่นยำอย่างมากถึงจะเป็นอันดับ 1 ของ f1 ตารางคะแนนได้ ทั้งยังเป็นสนามที่มีความสวยหรู เพราะมีฉากหลังเป็นของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของโมนาโก เป็นอีกรายการที่น่าจับตามองมาก ๆ

  • วันที่เริ่มแข่ง: 28 พฤษาคม 2024
  • สนามแข่ง: Monaco Circuit
  • ระยะทาง: 260.520 กม. / 161.880 ไมล์
ตารางแข่ง f1

3. ตารางแข่ง f1 บริติชกรังด์ปรีซ์:

British Grand Prix เป็นรายการแข่ง formula 1 ของอังกฤษที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมทางประวัติศาสตร์ และประเพณีซึ่งไม่เคยหายไปจากตารางแข่ง f1 เลยนับตั้งแต่ปี 1926 ผ่านเวลาช่วงน่าจดจำมามายไม่ว่าจะการมีกษัตริย์จอร์จที่ 4 เข้าเป็นนักแข่ง formula 1 บอกเลยเป็นอีกหนึ่งรายการ formula 1 ถ่ายทอดสด ไม่ควรพลาดรับชม! ตั๋วบัตรหมดเกลี้ยงทุกปี การันตีได้เลย F1 2024 รอบนี้ดุเดือดเร้าใจแน่นอน 

  • วันที่เริ่มแข่ง:  7 กรกฎาคม 2024
  • สนามแข่ง: Silverstone Circuit
  • ระยะทาง: 306.198 กม. / 190.263 ไมล์

4. ตารางแข่ง f1 อิตาเลียน กรังด์ปรีซ์:

Italian Grand Prix หรือ Temple of Speed เป็นศึกการแข่งขันระดับตำนานที่ทุกคนตั้งตารอมากที่สุดในแต่ละปี ​​ด้วยความตื่นเต้นเร้าใจของสนามแข่งที่เป็นทางตรงสุดแสนยาวเหยียดซึ่งสร้างความท้าทายในเรื่องความเร็วให้กับนักแข่ง formula 1 เป็นอย่างดี และนับมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เพราะจัดแข่งอย่างเป็นทางการในปี 1921 รับรองเลยรายการ formula 1 ถ่ายทอดสด นี้จะมอบประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนให้กับตัวนักแข่งเอง และรวมถึงแฟน ๆ ได้อย่างแน่ชัวร์

  • วันที่เริ่มแข่ง: 1 กันยายน 2024
  • สนามแข่ง: Autodromo Nazionale Monza
  • ระยะทาง: 306.720 กม. / 190.587 ไมล์

5. ตารางแข่ง f1 สิงคโปร์กรังด์ปรีซ์:

Singapore Grand Prix เป็นรายการที่นับอยู่คู่กับตารางแข่ง f1 มาตลอดเช่นกัน แม้จะจัดแข่งหลังเพื่อนตอนในปี 2008 แต่ก็นับเป็นการแข่งขันฟอร์มูล่าวันที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์วงการ เพราะได้จัดแข่งในช่วงตอนกลางคืนเป็นครั้งแรก ใครอยากชมบรรยากาศอันเร้าใจในยามค่ำคืนที่มีแสงไฟระยิบระยับประดับไปกับทิวทัศน์ของเมืองที่ชวนหลงใหลต้องไม่พลาดรับชม formula 1 ถ่ายทอดสด ในศึกสิงคโปร์กรังด์ปรีซ์นี้เด็ดขาด 

  • วันที่เริ่มแข่ง: 22 กันยายน 2024
  • สนามแข่ง: Singapore Circuit
  • ระยะทาง: 306.280 กม. / 190.314 ไมล์

สรุปตารางแข่ง f1

จบกันไปแล้วครับสำหรับ 5 อันดับโปรแกรมตารางแข่ง f1 ในปี 2024 ที่น่าติดตาม ซึ่งรับประกันได้ว่า ตื่นเต้นเข้มข้นทุกรายการ และแน่นอนนอกจาก 5 ตารางแข่ง f1 ที่ว่ามานี้ ยังมีอีกกว่า 19 โปรแกรม F1 2024 ให้คุณได้ติดตาม ตั้งหน้าตารอได้เลยบันเทิงถึงใจชัวร์ การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกนี้ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ใครชอบความเร็วอย่าได้พลาดรับชม รับรองทุกดุเดือดทุกรอบทุกสนามแข่ง ได้เจอทีมและนักแข่งชื่อดังที่เก่งที่สุดในโลกอย่างแน่นอน หรือแม้ไม่สะดวกดู formula 1 ถ่ายทอดสด แต่อยากจะอัปเดตรับทราบเกี่ยวกับ f1 ตารางคะแนน ก็มาติดตามได้ที่ราได้เช่นกันมีอัปเดต f1 ตารางคะแนน ให้คุณรับรู้ก่อนใครทันใจ 24 ชม.! 

Koenigsegg CC 850 สุดยอดไฮเปอร์คาร์แห่งปี 2022

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ18 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
Content

รถยนต์มือ 2 ทางเลือกสำหรับคนอยากมีรถ

รถยนต์มือ 2

แน่นอนว่าการมีรถยนต์เป็นของตัวเอง ถือว่าเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายๆ คน เพราะจะได้มีรถไว้ใช้ไปยังสถานที่ต่างๆ อำนวยความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม แต่กระนั้นการที่จะซื้อรถมือ 1 เลย ก็มีราคาหลายบาทมาก ทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะมองหา รถยนต์มือ 2 เพื่อตอบโจทย์ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ซึ่งทางเลือกสำหรับการซื้อรถยนต์มือสองก็มีอยู่หลายแบบด้วยกัน 

เลือก รถยนต์มือ 2 ตามความชอบ

แน่นอนว่าการเลือกรถยนต์มือ 2 อันดับแรกเลยคือต้องเลือกตามความต้องการของตัวเอง นั่นแปลว่าผู้ขับขี่จะต้องมีรถยนต์และปีที่ผลิตอยู่ภายในใจเสียก่อน จากนั้นก็พยายามมองหาจุดขายรถที่น่าเชื่อถือและมีรถยนต์ที่เราต้องการ เพราะการที่ได้เลือกรถยนต์ที่ตัวเองต้องการนั้นจะมีความสุขมากกว่าเวลาที่ขับขี่ไปยังสถานที่ต่างๆ 

รถยนต์มือ 2

เลือกให้ตรงกับลักษณะการใช้งาน 

ข้อผิดพลาดของใครหลายคนในการเลือกซื้อรถยนต์มือ 2 ส่วนมากมักจะซื้อตามคำบอกเล่าของคนใกล้ตัวหรือเพื่อนฝูงมากกว่าซื้อมาให้ตรงกับลักษณะการใช้งาน อย่างเช่นหากผู้ขับขี่ ต้องทำการค้าขายไปยังสถานที่ต่างๆ รถกระบะ หรือ รถแนว SUV ดูจะตอบโจทย์มากกว่า หรือหากใช้ขับขี่ไปทำงานตามปกติ รถยนต์ทั่วไปดูจะเหมาะสมมากกว่า ดังนั้นข้อนี้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องตระหนักถึง 

การดูแลสถาพรถยนต์มือ

ปัญหาอย่างแรกสำหรับรถยนต์มือ 2 นั่นคือการที่รถนั้นผ่านการใช้งานมาแล้ว ซึ่งผู้ขับขี่ที่ซื้อมาต่อจากนั้น ไม่สามารถคาดเดาได้ว่ารถคันนั้นผ่านอะไรมาบาง แต่เมื่อได้มาแล้วก็ทำการดูแลรักษาสภาพของรถยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานให้มากที่สุด โดยวิธีการดูแลรถยนต์มือ 2 มีดังนี้ 

1. ตรวจเช็คระยะทาง 

2. ตรวจเช็คสภาพรถและเครื่องยนต์

3. ดูแลระบบเบรกให้พร้อมใช้งานเสมอ

4. ดูแลอะไหล่ต่างๆ ให้พร้อมอยู่เสมอ 

5. เช็คระบบการทำงานของอุปกรณ์ต่างให้พร้อม

ตรวจสอบสภาพรถเพื่อความปลอดภัย

แน่นอนว่าคำถามต่อมาสำหรับคนที่อยากจะซื้อรถยนต์มือ 2 นั่นคือเรื่องของความปลอดภัย เพราะรถยนต์แต่ละคันนั้นผ่านการใช้งานมาแตกต่างกัน บางคนอาจจะใช้อย่างทนุถนอม บางคนอาจจะใช้แบบสมบุกสมบันตะลุยอย่างไม่ยั้ง ทีนี้วิธีการดูว่ารถที่เราซื้อมานั้นปลอดภัยแค่ไหน ให้ดูตามส่วนต่างๆ ดังนี้ 

1. ตรวจสอบระบบเบรกก่อนใช้งาน

2. ตรวจสอบเครื่องยนต์

3. ตรวจสอบอุปกรณ์การทำงานต่างภายในรถ 

4. ตรวจสอบถุงลมนิรภัย

5. ตรวจสอบระบบการทำงานต่างๆ ภายในตัวรถ 

6. ตรวจสอบคู่มือรวมถึงฟังก์ชั้นต่างๆ ว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ 

เป็นมิตรบนท้องถนน

รถยนต์มือ 2 ชื่อก็บบอกอยู่แล้วว่าไม่ใช่รถยนต์มือ 1  ดังนั้นการทำงานนั้นก็ไม่อาจจะ 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรถยนต์มือ 1 ที่สภาพสวยงาม ดังนั้นก่อนที่จะเลือกใช้รถยนต์มือ 2 จะต้องตรวจสอบให้ทุกอย่างนั้นพร้อมใช้งานและอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานให้มากที่สุด ตรงจุดไหนที่สมควรเปลี่ยนก็ควรที่จะเปลี่ยน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน และความปลอดภัยของผู้ขับขี่รายอื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน 

ความคุ้มค่าเมื่อซื้อรถยนต์มือ

คำถามที่หลายๆ คนชอบถามว่า ซื้อรถยนต์มือ 2 คุ้มค่าแค่ไหน แน่นอนว่า เมื่อเทียบรถยนต์มือ 1 ก็คุ้มว่าในเรื่องของราคา, สามารถเลือกรถที่ต้องการได้ แต่ก็ต้องแลกมากับการที่รถยนต์คันนั้นผ่านการใช้งานมาแล้ว แต่ถ้าหากผู้ขับขี่ ทำการบ้านมาก่อนเป็นอย่างดี เลือกหาจุดขายรถที่ไว้ใจได้ และได้รถที่ตัวเองนั้นต้องการ ก็ถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก เทียบได้กับการซื้อรถยนต์มือ 1 คันใหม่เลยทีเดียว แต่ถ้าหากเจอร้านที่ไม่ดีหรือมัวแต่ฟังคนอื่น รับรองได้เลยว่าไม่คุ้มอย่างแน่นอน 

รถยนต์มือ 1 และรถยนต์มือ2 แตกต่างกันอย่างไร 

แน่นอนว่าความแตกต่างระหว่างรถยนต์มือ 1 กับ รถยนต์มือ2 นั้น มีความแตกต่างกันอยู่แล้ว ในหลายๆ ปัจจัย ซึ่งความแตกต่างที่เห็นเด่นชัดได้มากที่สุดประกอบไปด้วย

1. ราคา

2. สภาพการใช้งาน 

3. ความเสื่อมของตัวรถ 

4. การเสื่อมสภาพของเครื่องยนต์

5. ประวัติของรถยนต์ที่ต่างกัน 

6. ความเสื่อมของระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ 

บทสรุปส่งท้าย 

รถยนต์มือ2 ถือว่าเป็นทางออกทางหนึ่งสำหรับคนที่อยากจะมีรถยนต์ แต่งบน้อย หรืองบไม่ถึงที่จะซื้อรถยนต์มือ 1 ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องหาจุดขายรถที่น่าเชื่อถือได้ และหารถที่มีสภาพพร้อมใช้งาน ไม่ช้ำมากจนเกินไป รวมถึงต้องตรวจสอบประวัติรถยนต์ที่เราซื้อมาด้วยว่าเคยเกิดอุบัติเหตุอะไรมาหรือเปล่า ถ้าหากผู้ขับขี่ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี บางทีอาจจะได้ขุมทรัพย์ที่คุ้มค่ากว่าการซื้อรถยนต์มือ 1 อย่างแน่นอน 

Koenigsegg CC 850 สุดยอดไฮเปอร์คาร์แห่งปี 2022

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ18 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
Content

ตอบโจทย์ผู้ใช้รถ EV จุดชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉัน นำไปสู่ความสะดวกสบายในการเดินทาง

จุดชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าได้พัฒนา และเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมยานยนต์ให้เจริญเติบโตไปในทางที่ดีขึ้น โดยทำให้การขับขี่มีความปลอดภัย สะดวกสบายยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ต้องใช้น้ำมัน ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันที่สูง ส่วน ราคาชาร์จรถไฟฟ้า ก็ไม่แพงเหมือนกับการเติมน้ำมัน นอกจากนี้การ ชาร์จรถไฟฟ้า ที่ จุดชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉัน เพียงครั้งเดียวยังทำให้รถเดินทางไกลได้หลายร้อยกิโลเมตร ถือว่ามีประสิทธิภาพในการเดินทางไม่แตกต่างจากรถที่ใช้ระบบน้ำมันเลยแม้แต่น้อย 

การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ จุดชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉัน เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้คนในยุคนี้ไปแล้ว เพราะไม่เสื่อมสภาพเร็ว ไม่มีค่าบำรุงรักษาที่สูง นอกจากนี้ยังช่วยลดมลพิษทางอากาศ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก ดังนั้นรัฐบาลและองค์กรต่างๆจึงได้ทำการพัฒนาเครือข่ายการชาร์จและเพิ่มจุด ชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉัน รวมไปถึงจุด ชาร์จรถไฟฟ้าฟรี เพื่อให้บริการกับผู้คนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ผู้คนสามารถ ค้นหาจุดชาร์จรถไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น ชาร์จไฟได้สะดวกยิ่งขึ้น

จุดชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉัน

เครือข่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จุดชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉัน มีอยู่เกือบทุกที่ ทั้งในต่างประเทศและในไทย 

จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากความนิยมของผู้คน และประโยชน์ในการขับขี่ ดังนั้นเครือข่ายจุด ชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉัน จึงถูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของจุดชาร์จก็ถือเป็นส่วนสำคัญของการเดินทาง เพราะทำให้การเดินทางมีความต่อเนื่อง ไม่เกิดปัญหา นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของจุด ชาร์จรถไฟฟ้า ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ เพราะถ้าไม่มีจุดชาร์จที่กว้างขวาง ผู้ขับขี่อาจจะต้องเผชิญกับความวิตกกังวลในระหว่างการเดินทาง ดังนั้นการมีอยู่ของจุด ชาร์จรถไฟฟ้าฟรี จึงแก้ปัญหาในจุดนี้ และช่วยขจัดความกังวลให้กับผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี 

มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ EV ไปไหนมาไหนก็สะดวก 

การมีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าใกล้ตำแหน่งของคุณ จะทำให้คุณทดสอบการชาร์จไฟฟ้าได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทางไปไกลไปหลายกิโล เพียงแค่เข้ามาที่จุด ชาร์จรถไฟฟ้า ใกล้บ้าน ก็ชาร์จไฟและทำเดินทางได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัด นอกจากนี้คนที่ไม่มีเวลายังสามารถชาร์จไฟแล้วตรวจสถานะจุดชาร์จกับแบตเตอรี่ผ่านทางมือถือได้อย่างสะดวก และยิ่งในอนาคตหากมีการพัฒนารถไฟฟ้าไม่ต้องชาร์จ ยิ่งจะทำให้การเดินทางมีความต่อเนื่อง และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น 

จุดชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉัน

อัตราค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ EV

ราคาชาร์จรถไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ตั้งแต่ตำแหน่ง ประเภทเครื่องชาร์จที่ใช้ และผู้ให้บริการไฟฟ้า สำหรับความเร็วในการชาร์จ และประเภทของการชาร์จ มีดังนี้ 

  • เครื่องชาร์จระดับ 1: เป็นปลั๊กไฟมาตรฐานสำหรับใช้ในครัวเรือน 120 โวลต์ เป็นวิธี ชาร์จรถไฟฟ้าฟรี ช้าที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่ธรรมดาและสะดวกที่สุดสำหรับการชาร์จข้ามคืนที่บ้าน
  • เครื่องชาร์จระดับ 2: โดยทั่วไปจะมีไฟ 240 โวลต์ ซึ่งชาร์จรถยนต์ได้เร็วกว่าเครื่องชาร์จระดับ 1 มาก มักพบในสถานี ชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉัน แบบสาธารณะ แต่ก็สามารถติดตั้งที่บ้านได้

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน 

การดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ค่อนข้างดูแลง่าย โดยประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาในการบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้ารวมถึง รถไฟฟ้าไม่ต้องชาร์จ มีดังนี้

  1. ควรรักษาระดับแบตเตอรี่ให้อยู่ระหว่าง 20% ถึง 80% เพื่อยืดอายุการใช้งาน
  2. หลีกเลี่ยงอุณหภูมิที่สูงเกินไปอย่างสม่ำเสมอ หากเป็นไปได้ ให้จอดรถ EV ไว้ในที่ร่มหรือในโรงรถ
  3. ตรวจสอบสายชาร์จ และขั้วต่อตามคำแนะนำเป็นประจำ เพื่อดูการสึกหรอหรือความเสียหาย
  4. อัปเดตซอฟต์แวร์ รถไฟฟ้าไม่ต้องชาร์จ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเพิ่มคุณสมบัติใหม่

ความแตกต่างระหว่างรถชาร์จไฟฟ้า กับรถที่ใช้น้ำมัน 

  รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ รถไฟฟ้าไม่ต้องชาร์จ แตกต่างจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันอยู่มาก อย่างแรกคือการทำงาน โดยรถ EV จะใช้การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพื่อหมุนล้อ ส่วนของการเร่งก็เร่งได้ทันที มีแรงบิดที่แรง ให้อัตราเร่งที่รวดเร็ว ลดความเร็วได้ง่าย นอกจากนี้ไม่ปล่อยมลพิษที่ปลายท่อไอเสีย ส่วนรถที่ใช้น้ำมัน แม้จะวิ่งได้ไกลกว่ารถไฟฟ้า แต่ก็ต้องใช้น้ำมันเบนซิน หรือดีเซลเพื่อผลิตพลังงานขับเคลื่อนล้อ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในส่วนของการบำรุงรักษาที่มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าอยู่เยอะมากๆ 

สุดยอดเทคโนโลยี จุดชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉัน เหมาะกับการใช้งาน ผ่านการยอมรับในระดับโลก 

เห็นได้ชัดว่า จุดชาร์จไฟฟ้า มีความสำคัญและมีความจำเป็นต่อผู้ใช้รถ EV นอกจากนี้ยังทำให้การเดินทางมีความสะดวกสบาย ไม่ยุ่งยาก ส่วนการหาจุด ชาร์จรถไฟฟ้าฟรี นั้น สามารถหาได้จากแอปพลิเคชันที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจุดชาร์จไฟฟ้า เช่น PlugShare, ChargePoint นอกจากนี้ยังสามารถหาจุดชาร์จได้จาก Google Maps เพียงพิมพ์ “ชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉัน” ลงในแถบค้นหา ก็จะเจอจุดชาร์จ ซึ่งจุดชาร์จบางที่จะแสดง ราคาชาร์จรถไฟฟ้า ให้ผู้ขับขี่ได้ทราบด้วย แต่อย่างไรก็ตามผู้ขับขี่ควรตรวจสอบความเข้ากันของเครือข่ายการชาร์จ กับรถยนต์ไฟฟ้าของคุณก่อนชาร์จ เพื่อให้การชาร์จมีประสิทธิภาพมากที่สุด 

Koenigsegg CC 850 สุดยอดไฮเปอร์คาร์แห่งปี 2022

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ18 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
Content

รถยนต์อเนกประสงค์ Toyota Alphard 2023 ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

Alphard

หากจะถามถึงรถครอบครัว หรือรถอเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน บอกเลยว่า Toyota Alphard 2023 คือรถยนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ เพราะ Alphard มีความสมบูรณ์แบบในหลายๆด้าน ตั้งแต่การอำนวยความสะดวกสบาย ไปจนถึงฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ โดยปัจจุบันรถรุ่นนี้มีหลายรุ่นให้ได้เลือกใช้ เช่น Vellfire ในราคาที่เหมาะสม, Alphard Hybrid ที่เน้นความหรูหรา และสมรรถนะที่สูง ไปจนถึงAlphard 2023 ที่มีความหรูหราน่าดึงดูดใจ เหมาะที่จะเป็นรถครอบครัวสำหรับใครหลายๆคน

มาพร้อมความสวยงาม Alphard ออกแบบอย่างหรูหรา มีสไตล์ 

รถยนต์สมัยใหม่ Alphard 2023 ออกแบบมาอย่างโดดเด่น เน้นที่ดีไซน์สุดหรู ผสมผสานสุนทรียศาสตร์สมัยใหม่เข้ากับฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างลงตัว ในส่วนของกระจังหน้ามีความโดดเด่น ทำจากโครเมียมที่ทำให้รถดูหรูหรา ส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันตามแบบฉบับของ Toyota Alphard 2023 โดยมีความหรูหรา เงางาม มาพร้อมเฉดสีที่หลากหลาย มีตั้งแต่สีดำ สีเทา ไปจนถึงสีขาว

Alphard

มีความทันสมัย Alphard ให้ประสบการณ์ในการขับขี่ ที่เหนือกว่ารถทั่วไป 

รถยนต์ยี่ห้อ Toyota Alphard ไม่ว่าจะเป็น Vellfire หรือรุ่นไหนๆ ต่างก็มีความทันสมัย มีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ ในการขับขี่ที่ดีกว่าเดิม ถ้าหากเปรียบเทียบกับรถรุ่นอื่นๆในปัจจุบัน ไม่เพียงเท่านั้นรถรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบการกันสั่นสะเทือน ที่ช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัย ถ้ามีการขับขี่ที่ไม่เป็นปกติ ระบบจะทำการแจ้งเตือนทันที นอกจากนี้รถ Toyota เวลไฟร์ รวมถึง Alphard Hybrid ยังมีระบบการเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ที่ช่วยปกป้องอันตรายบนท้องถนน ทำให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารได้ความปลอดภัยในระหว่างการใช้งานอีกด้วย 

ตอบสนองต่อความบันเทิง สร้างความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว 

เหตุผลที่ทำให้ Alphard Hybrid ทุกรุ่นเป็นที่นิยม และเป็นที่ต้องการของผู้คนก็คือความหรูหรา ความทันสมัย พร้อมกับประโยชน์การใช้งาน โดยรถรุ่นนี้ได้การออกแบบมาให้ตอบสนองต่อการใช้งาน โดยมีระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 

  • ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ใช้งานง่าย มอบความบันเทิงได้หลายรูปแบบ ช่วยให้สามารถเข้าถึงการนำทาง เพลง และการโทรได้ 
  • กล้อง 360 องศา ช่วยให้ผู้ขับขี่ Toyota Alphard 2023 เห็นทัศนวิสัยได้รอบคันรถ 
  • ระบบกรองรังสีอินฟราเรด และรังสี UV ทำให้ผู้คนในรถไม่ได้รับอันตรายจากแสงแดด
  • เซ็นเซอร์ช่วยจอดรถ เทคโนโลยีที่ทำให้การจอดรถ และการเคลื่อนตัวในพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่าย 
Alphard

รถยนต์ที่เหมาะกับทุกการใช้งาน Alphard มาในราคาที่เหมาะสม จับต้องได้ 

ด้วยความที่ Toyota Alphard 2023 เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีความสุดยอดด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม ราคาของรถรุ่นนี้จึงค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับความคุ้มค่าแล้ว บอกเลยว่าคุ้มค่าต่อการซื้อเป็นอย่างมาก เพราะมีฟีเจอร์และเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย สำหรับราคา Toyota Alphard ในรุ่นที่นิยม มีดังนี้ 

  • Toyota Alphard 2.5 HEV Luxury ราคา 4,499,000 บาท
  • Toyota Vellfire 2.5 HEV ราคา 4,279,000 บาท
  • Toyota Alphard 2.5 HEV ราคา 4,129,000 บาท

คุณสมบัติของรถยนต์ Alphard และการใช้งานสำหรับครอบครัว 

รถยนต์ Alphard Vellfire รวมถึงรุ่นอื่นๆ ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะการใช้งานในด้านครอบครัว โดยภายในถูกออกแบบมาให้มีความกว้างขวาง มีที่นั่งที่นุ่มและปลอดภัย นั่งแล้วไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง เพราะที่นั่งแต่ละที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี จะทดลองปรับนอน หรือปรับเลื่อนก็ทำได้ นอกจากนี้ Alphard 2023 และรุ่นอื่นๆ ยังมีประตูเลื่อนแบบไฟฟ้า และประตูท้ายแบบแฮนด์ฟรี ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าออก รวมถึงการใส่สัมภาระได้อย่างเหมาะสมลงตัวอีกด้วย 

การดูแลรักษารถยนต์ Alphard และการใช้งานสำหรับครอบครัว 

การดูแลรักษารถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้รถมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และมีประสิทธิภาพขับขี่ที่สูงสุด ดังนั้นถ้าผู้ขับขี่ต้องการให้คุณสมบัติเหล่านี้อยู่กับรถไปนานๆ จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาและการดูแลอย่างสม่ำเสมอ โดยการนำรถเข้าศูนย์บริการของทาง Toyota เพราะทางบริษัทมีช่างผู้ชำนาญที่สามารถดูแลและแก้ไขปัญหาต่างๆให้กับรถยนต์ให้กับคุณได้

รถยนต์คุณภาพระดับพรีเมียม ตัวเลือกยอดนิยมสำหรับครอบครัว Alphard 

โดยรวมแล้ว Alphard 2023 คือรถมินิแวนระดับพรีเมียม ที่ผสมผสานความหรูหรา ความสะดวกสบาย และการใช้งานจริงได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งชุดคุณสมบัติช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง เช่น ระบบควบคุมความเร็ว ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ Alphard Hybrid และรุ่นอื่นๆจะกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับครอบครัว รวมไปถึงบุคคลที่กำลังมองหารถยนต์ระดับไฮเอนด์ ที่มีพื้นที่กว้างขวาง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน 

Koenigsegg CC 850 สุดยอดไฮเปอร์คาร์แห่งปี 2022

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ18 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023