หมวดหมู่: Content

สำหรับใครที่กำลังตามหารถยนต์ไฟฟ้าไซซ์มินิ ไว้ขับขี่ชิล ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองที่ต้องประสบกับปัญหารถติด ที่จอดรถจำกัด หรือซอยเล็กรถบางรุ่นไม่สามารถขับเข้าไปได้ Wuling Mini EV Cabrio อาจจะเป็นหนึ่งในคำตอบที่คุณกำลังตามหา ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับสเปคของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้จะเป็นอย่างไร และจะน่าสนใจขนาดไหน วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ มาให้กับทุกคนแล้ว

เผยสเปคของ Wuling Mini EV Cabrio หนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน

Wuling Mini EV Cabrioเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ที่พัฒนามาจากWuling Hongguang Mini EV ที่เผยโฉมให้เห็นครั้งแรกในปี 2020 โดยรถรุ่นดังกล่าวเปิดมาในราคา 369,000 บาทเท่านั้น แต่ในครั้งนี้กับการพัฒนาและพลิกโฉมจนได้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่าง รถยนต์ไฟฟ้า มินิMINI EV Car รุ่นนี้ ซึ่งหลาย ๆ คนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า รุ่นนี้นับว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอีกรุ่นหนึ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

โดย Mini EV Cabrio เป็นรถยนต์ที่มาพร้อมขนาดที่กะทัดรัดด้วยความยาว 3,059 มม. กว้าง 1,521 มม. สูง 1614 มม. และฐานล้อกว้าง 2,010 มม. และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถให้กำลังไฟสูงสุด 41 แรงม้า แรงบิด 110 Nm ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในนส่วนของแบตเตอรี่ รุ่นนี้มาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีขนาดอยู่ที่ 26.5 kWh ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 280 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มในเวลา 9 ชั่วโมง ดังนั้นใครที่กำลังอยากได้รถยนต์ไฟฟ้าคันเล็กจิ๋ว ไว้ใช้เดินทางในเมือง หรือไว้ขับออกแถวชานเมือง รถยนต์รุ่นนี้จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่ง

รถไฟฟ้าเปิดประทุน ที่ราคาไม่ถึงครึ่งล้าน

สำหรับ Wuling Mini EV Cabrioเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 2 ที่นั่ง ที่สามารถเปิดประทุนได้ โดยหลังคาเป็น Soft – Top ที่เพิ่มความเก๋ให้กับรถรุ่นนี้ไปอีกขั้น นอกจากนี้ตามที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า รถรุ่นี้เป็นรถที่พัฒนามาจาก Hongguang Mini EVดังนั้นสเปคต่าง ๆ จึงจะมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของระยะทางในการขับขี่ที่รุ่นเก่าจะสามารถขับได้ไกลเพียง 170 กิโลเมตรเท่านั้น ดังนั้นจึงอาจจะไม่เหมาะกับการขับออกต่างจังหวัดสักเท่าไร 

แต่สำหรับ Wuling mini ev รุ่นนี้สามารถขับได้ไกลถึง 280 กิโลเมตร ดังนั้นใครที่อยู่ในกรุงเทพฯ คุณสามารถขับรถรุ่นนี้ไปพัทยา หรือ หัวหินได้แบบสบาย ๆ เลย นอกจากนี้ในส่วนของราคา Wuling Mini EV ราคา สำหรับจำหน่ายในประเทศจีน คาดว่าอยู่ที่ราว ๆ79,800 หยวน หรือประมาณ 422,777 บาทเท่านั้น สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้อาจจะต้องรอติดตามข่าวเกี่ยวกับการนำเข้าอย่างเป็นทางการ ซึ่งเราคาดว่าอาจจะไม่เกินต้นปีหน้าอย่างแน่นอน หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรเว็บไซต์ของเราจะรีบนำข้อมูลมาอัปเดตให้กับทุกคนได้ทราบอย่างแน่นอน

บทความที่เกี่ยวข้อง :

• ทำความรู้จักกับ BYD แบรนด์รถยนต์สัญชาติจีน ที่มาตีตลาดรถยนต์เมืองไทยในปีนี้

• คนรักความเร็ว แรง เตรียมตัวให้พร้อม เพราะ GR Supra 2023 กำลังจะมาถึงในไม่ช้า

สนับสนุนโดย :

สล็อต ฝากถอน TRUE WALLET เว็บตรง บริการตลอด 24 ชั่วโมง

เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ  Volt City EV แบรนด์รถสัญชาติจีนน้องใหม่ ที่กำลังเป็นที่จับตามองที่สุดในยุคนี้ โดยเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา ทางผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าVOLT ได้ทำการเปิดรับจองรถรุ่นนี้ผ่าน www.voltthailand.com จำนวนทั้งหมด 1,000 คันแรกแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก่อนที่เพื่อน ๆ จะเข้าไปทำการจองรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นดังกล่าว เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับรถรุ่นดังกล่าวผ่านรีวิวจากเว็บไซต์ของเราในวันนี้

เปิดรีวิว Volt City EV รุ่นVOLT for Four รถยนต์ไฟฟ้า 4 ที่นั่ง ตัวท็อปจากแบรนด์

Volt City EVคือรถรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์VOLT โดยรถรุ่นนี้เป็น รถยนต์EV หรือ รถยนต์ไฟฟ้า 100% และได้ทำการเปิดตัวออกมา 4 รุ่นด้วยกันได้แก่ รุ่น VOLT for Two, VOLT for Four รุ่นคลาสสิก และ VOLT for Two, VOLT for Four รุ่นท็อป ซึ่งรุ่นที่เราจะนำมารีวิวและมาเผยสเปคให้อ่านกันในวันนี้คือ VOLT for Four ที่นับว่าเป็นรุ่นท็อป 

โดยvolt city ev สเปค ของรุ่นVOLT for Four นั้น นับว่าเป็นรุ่นที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเราของเริ่มจากส่วนของสเปคเครื่องยนต์ (มอเตอร์) โดยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์เดี่ยว ที่ให้กำลังสูงสุด 34 kw. 46 แรงม้า นอกจากนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียม ไอออนฟอสเฟต ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา แต่สามารถให้แรงดันไฟสูงถึง 115 V. และมีกำลังไฟอยู่ที่ 16.5 kw-h. และในส่วนของการขับเคลื่อน รุ่นนี้สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 105 กม./ชม. สามารถวิ่งได้ไกลถึง 200 กิโลเมตร / ชาร์จ (Eco Mode) และ 135 กิโลเมตร / ชาร์จ (Sport Mod)

ซื้อ VOLT for Four ตัวท็อป แตกต่างจากรุ่นอื่นอย่างไร?

สำหรับรถVolt City EV รุ่นVOLT for Four ตัวท็อป จะเป็นรถแบบ 5 ประตู 4 ที่นั่ง ที่จะมีสเปคในเรื่องของน้ำหนัก ขนาดรถ และกำลังของรถเป็นสเปคเดียวกับVOLT for Four รุ่นคลาสสิก แต่สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้พิเศษกว่ารุ่นคลาสสิกคือการตกแต่งภายใน โดยรุ่นท็อปจะมาพร้อมกับเบาะหนังสังเคราะห์ ล็อกนิรภัยสำหรับเด็กที่ประตูหลัง เข็มขัดนิรภัยหลังแบบ 3 จุด นอกจากนี้ในส่วนของหน้าจอแสดงผลจะเป็นจอแบบ double screens 7 นิ้ว รวมไปถึงไฟหน้า LED ไฟท้าย Ruby style และพิเศษสุด ๆ กับ พวงมาลัยแบบ multi-function นอกจากนี้สำหรับใครที่อยาก จองvolt city ev ทั้ง 4 รุ่น ก็สามารถเข้าไปยัง www.voltthailand.com เว็บไซต์ที่เปิดรับจองรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 4 รุ่น ให้คุณได้เป็นเจ้าของก่อนใคร

ในส่วนของราคาVolt city ev ราคา เริ่มต้นที่ 325,000 บาท สำหรับVOLT for Two รุ่นคลาสสิก 355,000 บาท,VOLT for Two รุ่นท็อป, 385,000 บาท สำหรับVOLT for Four รุ่นคลาสสิก และVOLT for Four รุ่นท็อป ราคาจะอยู่ที่ 415,000 บาท โดยราคาดังกล่าว จะเป็นราคาที่อยู่ในช่วงแนะนำเท่านั้น นอกจากนี้สำหรับใครที่จองผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวยังจะได้รับโปรโมชั่นต่าง ๆ มากมาย 

บทความที่เกี่ยวข้อง : McLaren เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Super – SUV รุ่นใหม่ภายในปี 2030

สนับสนุนโดย :

SAgameบาคาร่าอันดับ 1 ที่สุดของทุกสถาบันเกมพนันออนไลน์ ณ เวลานี้ เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน ถ่ายทอดสดจากโต๊ะบาคาร่าจริงแบบเรียลไทม์ ปลอดภัยไร้การโกงอย่างแน่นอน สามารถดาวน์โหลดเอาไว้เล่นบนโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนได้

รถยนต์ไฟฟ้า นับว่าเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ไม่ว่าจะแบรนด์รถยนต์ใด ๆ ก็ต้องหันมาให้ความสนใจและเร่งการพัฒนาสินค้าของตัวเองให้มีประสิทธิภาพไม่แพ้แบรนด์คู่แข่ง ซึ่ง McLaren ก็นับว่าเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน โดยล่าสุดก็ได้มีข่าวลือว่าทางแบรนด์นั้นจะมีการรถยนต์ Super – SUV ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทางแบรนด์คาดว่าจะเปิดรถยนต์ไฟฟ้าที่แพงที่สุดในโลก โดยคาดว่าจะเตรียมเปิดตัวในปี 2030 นี้

McLaren Super – SUV ที่มาพร้อมข่าวลือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของแบรนด์

สำหรับใครที่เห็นข่าวลือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ McLaren ที่ว่ากันว่าจะเป็น Super – SUV และจะเปิดตัวในปี 2030 นี้ และหากใครที่ได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับการเปิดตัวของรถรุ่นใหม่ ๆ หรือโมเดลรถจากแบรนด์ Super Car หลาย ๆ แบรนด์ก็เริ่มที่จะหันมาผลิตรถ SUV พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น แต่สำหรับ McLaren การที่มีข้อมูลเกี่ยวกับMcLaren Super – SUV ออกมานั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องปกติเสมอไป

หากย้อนไปเมื่อราว ๆ ปี 2013 McLarenที่อยู่ภายใต้การบริหารของ Mike Flewitt ซึ่งเขาเคยประกาศไว้ว่า McLarenจะไม่สร้างรถ SUV แต่จะมุ่งเฉพาะรถสปอร์ต 2 ที่นั่ง และเห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความคิดที่จะผลิตรถแบบครอสโอเวอร์ และ SUV แต่อย่างใด และพยายามคงความเป็นMcLaren ให้มีภาพลักษณ์เป็น Super Car และ Hyper Car เท่านั้น

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า McLarenทุกรุ่น จะไม่มีรถแบบครอสโอเวอร์ หรือ SUV ออกมาเลยแต่เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา McLarenก็ได้ทำการปลดพนักงานมากกว่า 1,200 อัตรา ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอสมควร แต่หากจะบอกว่าการปลดพนักงานในครั้งนั้นเกิดจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็ต่างได้รับผลกระทบไปทั่วโลก

เมื่อปี 2021 Mike Flewitt ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของ McLarenในตอนนี้ก็ได้ลงจากตำแหน่งกะทันหัน ซึ่งคาดว่าการที่เขาได้ลงจากตำแหน่งในตอนนี้เกิดจากที่ทางบริษัทขาดทุนอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเมื่อ Michael Leiters CEO คนใหม่ขึ้นรับตำแหน่ง แนวทางของแบรนด์ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง และผลงานที่เป็นที่รู้จักของเขาอีกอย่างหนึ่งก็คือการออกแบบรถ SUV นั่นเอง

ความว่าจะเป็น SUV ที่แพงที่สุดในโลก

หากใครที่เคยเห็นการเปิดตัวของรถยนต์รุ่นต่าง ๆ จากทาง McLarenก็คงพอจะทราบกันว่ารถยนต์ของแบรนด์จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับครั้งนี้แม้ว่าจะเป็นรถ Super – SUV แต่ก็ว่ากันว่ารถรุ่นนี้จะกลายเป็น McLarenราคาแพงที่สุด หากเทียบราคาให้หมู่ของรถ SUV ด้วยกัน

โดยคาดว่ารถรุ่นนี้น่าจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 350,000 ปอนด์ (ประมาณ 14,800,000 บาท) ซึ่ง McLarenราคา ในราคาประมาณนี้อาจจะเป็นราคาที่สามารถซื้อรถซูเปอร์คาร์ได้เลยก็ว่าได้

รถยนต์ไฟฟ้า FIAT 500e LA PRIMA ที่ทั้งเล็กกะทัดรัด และน่ารักไม่เบา

สนับสนุนโดย :

GCLUB https://gclubspecial168.com เว็บบาคาร่า อันดับ1 เว็บตรง การเงินมั่นคง รองรับการถอนเงินสูงสุด กว่าล้านบาท

สำหรับใครที่ติดตามข่าวเกี่ยวกับการเปิดตัวรถยนต์โดยเฉพาะให้ฝั่งของHonda ก็จะเห็นได้ว่าCivic นับเป็นรถยนต์อีกหนึ่งที่ถูกนำมาพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ แต่เพื่อน ๆ ทราบกันหรือไม่ว่า Honda Civic รุ่นแรกนั้นเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1972 หรือ 50 ปีที่แล้ว โดยHonda Civic1972 นอกจากจะเป็นรถรุ่นแรกของCivic ยังนับว่าเป็นรุ่นที่ว่ากันว่าเป็นรถยนต์ที่ออกแบบมาได้ตอบโจทย์ต่อความต้องการของผู้คนในยุคนั้นเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย

50 ปี Honda Civic รถยนต์ที่ตอบโจทย์ผู้คนในทุกยุคสมัย

ตามที่เราได้เกริ่นไปในข้างต้นแล้วว่าHonda Civicรุ่นแรกนั้นเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1972 ซึ่งนับมาถึงปัจจุบันก็เป็นเวลา 50 ปี เข้าไปแล้ว และแน่นอนนอนว่า นอกจากเรื่องคุณภาพของเครื่องยนต์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Civic ยังคงถูกพัฒนา และผลิตออกมาอยู่เรื่อย ๆ

จนมาถึงในปัจจุบัน ที่ Honda Civic2022 ก็ได้เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คงหนีไม่พ้นเรื่องของการเข้าถึงความต้องการของผู้คนในแต่ละช่วงเวลา หรือแต่ละยุคว่าผู้คนในยุคนั้น ๆ มีความต้องการ หรือมีเทรนด์ในการเลือกใช้รถยนต์แบบใดบ้าง ซึ่งทาง Honda ก็นับว่าทำการบ้านในส่วนนี้ออกมาได้ดีเป็นอย่างยิ่ง 

นอกจากนี้ในส่วนของการเปิดตัว และการผลิตมาถึงในปี 2022 นี้Honda Civic ถูกผลิตออกมาแล้วทั้งหมด 11 Generation ด้วยกัน ซึ่งใน Generation ที่ 11 ทางฮอนด้าได้ผลิตรถยนต์โดยนำเสนอระบบฟูลไฮบริด หรือ e:HEV

โดยข้อดีของรถยนต์ประเภทนี้คือ เนื่องจากไม่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ดังนั้นจึงค่อนข้างที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนใช้ยุคนี้ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในประเทศ เนื่องจากข้อดีของรถยนต์ประเภทนี้คือ เมื่อเราต้องเดินทางไกล หรือเดินทางออกนอกตัวเมืองเป็นระยะทางไกล ๆ เราก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องของสถานีชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งในเมืองไทยที่อาจจะยังมีไม่เพียงพอนั่นเอง

Civic e:HEV Generation 11 ที่ราคาเริ่มต้นเพียงหลักแสนเท่านั้น

แม้ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ทางทีมผู้พัฒนาจะมีการนำเทคโนโลยีดี ๆ มาใช้กับรถรุ่นนี้ในแต่ละ Generation อยู่เสมอแล้ว แต่รถรุ่นนี้ยังเป็นรถที่ยังคงคอนเซปต์ของการที่ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย ด้วยราคาที่ไม่สูงจนเกินไป และถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะเดินทางมาจนถึง Generation 11 แล้ว แต่ราคาของรถ e: HEV ที่อยู่ใน Generation นี้มีราคาเริ่มต้นเพียงหลักแสนบาทเท่านั้น โดย civic2022 ราคา ในไทย จะมีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันได้แก่civic EL ราคา 964,900 บาท,civic EL+ ราคา 1,009,900 บาท, civic e:HEV EL+ ราคา 1,129,000 บาท และcivic e:HEV RS ราคาจะอยู่ที่ 1,259,000 บาทเท่านั้น

อ่านบทความ > Mini Aceman EV Concept รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Mini

สนับสนุนโดย > ดัมมี่ เกมสุดฮิตที่มีมาอย่างยาวนาน สามารถเข้ามาเล่นได้ผ่านเว็บ HILOSPEC อีกทางเลือกที่ให้ผู้เล่นได้เข้ามาสร้างความสนุกสนาน ผ่านเกมในรูปแบบออนไลน์