Categories
Content

Peugeot 408 รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ที่เข้าไทยอย่างแน่นอน

Peugeot 408

Peugeot (เปอโยต์) เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก และรถบางรุ่นของเปอโยต์ยังมีการนำเข้ามาจำหน่ายในไทยด้วย และสำหรับรถรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Peugeot 408 รถยนต์สไตล์ครอสโอเวอร์ ระบบปลั๊กอินไฮบริด อีกทั้งยังมาพร้อมดีไซน์สปอร์ต สุดเท่ เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมือง และออกต่างจังหวัด ที่สำคัญรุ่นนี้ยังเข้าไทยอย่างแน่นอนอีกด้วย

สเปคของ Peugeot 408 รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 225 แรงม้า แบตเตอรี่วิ่งได้ไกล 72 กิโลเมตร

หากใครที่ได้ติดตามการเปิดตัวรถของPeugeot ก็คงจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสัญลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งดั้งเดิมเปอโยต์ใช้สัญลักษณ์สิงโตยืนบนศร และเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 11 ครั้งและล่าสุดในปี 2021 ที่ผ่านมา โลโก้ใหม่ได้ปรากฏตัวให้ชาวไทยได้เห็นแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยเป็นรูปหัวสิงโตแบบ 2 มิติ การดีไซน์ใหม่ล้อมรอบด้วยกรอบทรงคล้ายโล่ให้อารมณ์ในสไตล์เรโทร ดังนั้นรถรุ่นใหม่ ๆ จึงจะถูกใช้โลโก้ดังกล่าวแทน และสำหรับ รถยนต์Peugeot 408 คือหนึ่งในรถรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกใช้ตราสัญลักษณ์ใหม่

โดยรถรุ่นนี้เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ Crossover SUV ที่มาพร้อมระบบปลั๊กอินไฮบริด ดังนั้นรถรุ่นนี้จึงสามารถดึงพลังงานจาก 2 แหล่งมาใช้ร่วมกัน หรือเลือกใช้จากแหล่งพลังงานใดแหล่งหนึ่งก็ได้เช่นกัน ซึ่งปัจจุบันรถที่มีระบบนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง โดย NewPeugeot 408 เป็นรถที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 L Turbo 4 สูบ 1,598 ซีซี ที่ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 180 แรงม้า (132 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบต่อนาที 

มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า (80 กิโลวัตต์) ที่ 2,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 – 500 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที ความจุพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ 12.4 kWh ที่สามารถวิ่งในเมืองได้ไกลถึง 72 กิโลเมตร (WLTP)  และเมื่อ 2 แหล่งพลังงานทำงานร่วมกัน รถยนต์Peugeot 408 PHEV จะมีกำลังสูงสุด 225 แรงม้า (165 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร พร้อมระบบส่งกำลังเกียร์ออโต้แบบ 8 ระดับควบคุมด้วยไฟฟ้า e – EAT8 

นอกจากนี้ในส่วนของมิติตัวรถPeugeot 408 มีขนาดภายนอกอยู่ที่ 4,687 / 1,848 / 1,487 (ความยาว / ความกว้าง / ความสูง (มม.)) โดยเป็นรถยนต์ 5 ประตู 5 ที่นั่ง อีกทั้งยังมีห้องเก็บของขนาดใหญ่ และแยกส่วนได้สะดวกสบายด้วยฝาท้ายมอเตอร์และสำหรับรุ่นปลั๊กอินไฮบริดสามารถเก็บสัมภาระได้สูงสุดถึง 471 ลิตรเลยทีเดียว

รถยนต์Peugeot 408 เข้าไทย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 2,790,000 บาท มี 6 สีให้เลือก

สำหรับ Peugeot 408 เปิดตัวมาพร้อมสีตัวรถให้เลือกทั้งหมด 6 สีด้วยกัน ได้แก่ Obsession Blue, Cumulus Grey, Titane Grey, Nera Black, Pearlescent White และ Elixir Red (สีพิเศษ) และในส่วนของราคา Peugeot 408 2023 ราคา ในไทยจะเริ่มที่ 2,790,000 บาท และสำหรับใครที่สนใจอยากทดลองขับรถยนต์รุ่นนี้ คุณสามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อทดลองขับ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Peugeot Thailand ได้แล้ววันนี้ 

เกมลดราคา Steam 2023 ! เตรียมกระเป๋าตังค์ให้พร้อมเพราะเทศกาลลดราคาเกมมาแล้ว!!

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ18 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

สนับสนุนโดย : https://sa-game.bet/

Categories
Content

Bruce McLaren ผู้สร้างแบรนด์รถยนต์ระดับโลกอย่าง McLaren

Bruce McLaren

หากจะกล่าวถึงแบรนด์รถยนต์ หรือผู้พัฒนารถยนต์สมรรถนะสูงสัญชาติอังกฤษ McLaren ก็ต้องเป็นหนึ่งชื่อที่หลาย ๆ คนคิดถึงอย่างแน่นอน แต่มีใครทราบหรือไม่ว่าMcLarenเป็นแบรนด์รถที่ถือกำเนิดโดย Bruce McLaren นักออกแบบรถแข่ง นักขับ วิศวกร และนักประดิษฐ์ชาวนิวซีแลนด์ ซึ่งประวัติของเขาจะน่าสนใจขนาดไหน และอะไรที่ทำให้ McLaren กลายเป็นแบรนด์รถระดับโลกได้ วันนี้เรารวบรวมเรื่องราวอันน่าทึ่งของแบรนด์และผู้ก่อตั้งอย่างBruce McLarenมาฝากทุกคนแล้ว

ประวัติ Bruce McLaren ชายผู้ที่หลงใหลในกีฬามอเตอร์สปอร์ต 

Bruce McLaren(บรูซ แมคลาเรน) หลายคนอาจจะรู้จักเข้าในนามของผู้ก่อตั้งแบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง McLaren แต่มีใครทราบหรือไม่ว่า เรื่องราวของชายผู้นี้น่าสนใจไม่แพ้รถยนต์ของเขาเลยทีเดียว ซึ่งก่อนที่เราจะไปพูดถึงประวัติของแบรนด์ McLaren เราขอเล่า ประวัติBruce McLaren โดย Bruce เป็นนักรถแข่งชาวนิวซีแลนด์ ที่มีความสามารถหลายอย่างทั้งวิศวกร Aesthete นักการตลาด นักออกแบบรถแข่ง รวมไปถึงผู้ก่อตั้งแมคลาเรน เกิดที่เมืองออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 1937 (พ.ศ. 2480) 

บรูซเกิดในครอบครัวที่มีพ่อและแม่ ชื่อ Les และ Ruth McLaren เป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันใน Remuera ใน East Auckland นิวซีแลนด์ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้บรูซได้คลุกคลีกับรถยนต์และเครื่องยนต์ตลอดเวลา แต่ก่อนที่พ่อของเขาจะมาเปิดกิจการ Auto Service (ปั๊มน้ำมัน) Les พ่อของเขาเป็นถึงนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์เลยทีเดียว แต่หลังจากได้รับบาดเจ็บ Les ก็ตัดสินใจเข้าร่วมในการแข่งขันใน Local Club Circuits แทน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่บรูซจะเกิดเสียอีก แต่ถึงอย่างนั้นลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้น

เนื่องจากในปี 1952 Bruce ในวัย 14 ปี เข้าสู่การแข่งขันแข่งรถครั้งแรก และในช่วงกลางทศวรรษที่ 50 บรูซยังได้เข้าร่วมการแข่งรถ Formula Two Cooper-Climax ในทีม Cooper จากนั้นด้วยความสามารถในการปรับแต่งรถของเขาเองจึงทำให้บรูซ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศในรายการแข่งขัน New Zealand National Champion Series ตามด้วยการเข้าร่วมการแข่งขัน 1958 New Zealand Grand Prix จนทำให้เข้ากลายเป็นตัวแทนของ New Zealand เพื่อไปแข่งระดับโลกในฐานะการเป็น นักแข่ง F1 ที่ German Grand Prix และในรายการ 1962 Grand Prix in Monaco เขาก็สามารถคว้าแชมป์มาได้จนทำให้เส้นทางการเป็นนักแข่งของเขาเป็นบานอย่างเต็มที่

Bruce McLaren

จากนักแข่ง F1 สู่การเป็นผู้ก่อตั้ง McLaren Automotive

หลังจากที่เพื่อน ๆ ได้อ่านประวัติของBruce McLaren ไปแล้วก็จะเห็นได้ว่าเส้นทางการเป็นนักแข่งของเขาก็ดูราบรื่น และอะไรจึงทำให้เขาหันมาก่อตั้งMcLaren Automotive ซึ่งเราได้สรุปข้อมูลแบบกระชับ ๆ มาให้เพื่อน ๆ แล้ว โดยหลังจากที่เขาประสบความสำเร็จอย่างมากภายใต้การสังกัดของ Cooper Team บรูซก็ได้ก่อตั้งBruce McLaren Racing LTD ในปี 1963 บริษัทพัฒนารถแข่ง ซึ่งช่วงนั้นเขาได้ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ และจะบอกว่า ประวัติMcLaren เริ่มขึ้นจากตรงนี้ก็ได้เช่นกัน และเริ่มผลิตรถแข่ง F1 ของตัวเอง ต่อมาในปี 1965 เขาก็ตัดสินใจที่จะลาออกจากทีม Cooper และเริ่มก่อตั้งทีมแข่งรถ F1 McLaren Racing Team ซึ่งBruce McLaren สามารถคว้าแชมป์แรกให้กับทีมในการแข่งขัน 1968 Grand Prix ในเมือง Spa ประเทศ Belgium

Bruce McLaren

หลังจากที่Bruce McLaren ได้พัฒนาและออกแบบรถแข่งมาหลายต่อหลายรุ่นเพื่อใช้ในการแข่งขัน ในวันที่ 2 มิถุนายน 1970 อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ขณะที่Bruce McLaren กำลังทดสอบการออกแบบ McLaren M8D รถแข่งคันใหม่ที่สนาม Goodwood Circuit ของอังกฤษ ตัวถังด้านหลังได้หลุดออกจากตัวรถ ขณะที่รถกำลังทำความเร็วสูง จึงส่งผลให้รถลอยขึ้นก่อนที่เขาชนเข้ากับ Flag Station และทำให้เขาในวัย 32 ปีเสียชีวิตทันที และด้วยร่องรอยของฝีมือในการพัฒนาและออกแบบอันยอดเยี่ยมของบรูซจึงทำให้ McLaren กลายเป็นแบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูงที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้

เกมลดราคา Steam 2023 ! เตรียมกระเป๋าตังค์ให้พร้อมเพราะเทศกาลลดราคาเกมมาแล้ว!!

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ18 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
Content

เกมลดราคา Steam 2023 ! เตรียมกระเป๋าตังค์ให้พร้อมเพราะเทศกาลลดราคาเกมมาแล้ว!!

เกมลดราคา Steam 2023

เทศกาล เกมลดราคา Steam 2023 มาถึงแล้ว ใครที่กำลังรอเกมแข่งรถมัน ๆ จัดโปรลดราคา วันนี้ Steam จัดโปรโมชั่นลดราคาเกมแข่งรถเอาใจแฟน ๆ คนรักความเร็วแล้ว จะมีเกมอะไรน่าซื้อบ้างนั้น วันนี้เรานำ 10 เกมแข่งรถลดราคาบนสตรีมมาฝากทุกคนแล้ว จะได้ไม่พลาดเกมดี ๆ จะมีเกมไรบ้างนั้นเราไปดูพร้อมกันเลย

แนะนำ 5 เกมลดราคา Steam 2023 รู้แล้วต้องรีบโหลด!

เกมลดราคา Steam 2023 ที่เราจะนำมาแนะนำในวันนี้ ทั้งหมดเป็น เกมแข่งรถออนไลน์ ที่ถูกนำมาจัดโปรโมชั่นลดราคาใน “เทศกาลลดราคาฤดูร้อน” โดย เทศกาลลดราคา Steam 2566 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 14 กรกฎาคม 2023 และ 5 เกมแข่งรถ ที่เราอยากนำมาแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ในวันนี้มีดังต่อไปนี้

เกมลดราคา Steam 2023
  • Forza Horizon 5 

เกมแข่งรถแนว Simulator ที่สายรักเกมความเร็วไม่ควรพลาด โดยบน Steam ลดราคาสูงสุดถึง 50% ซึ่งตัวเกมจะมี 3 แพ็กให้เลือก ได้แก่ Standard, Deluxe และ Premium เมื่อลดราคาแล้วเกมนี้จะมีราคาที่ 949.50 – 1,499.50 บาทเท่านั้น 

เกมลดราคา Steam 2023
  • Assetto Corsa

เกมแข่งรถแนว Simulator ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 ซึ่งเป็นเกมจากค่ายเกมชื่อดังอย่าง Kunos Simulazioni และถึงแม้ว่าเกมนี้จะเปิดตัวมาค่อนข้างนานแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันตัวเกมก็ยังคงได้รับความนิยม โดยราคาโปรโมชั่นจะจัดลดสูงสุดถึง 80% จากราคา 289 บาท เหลือเพียง 57.80 บาทเท่านั้น

  • Assetto Corsa Competizione

รุ่นน้องจากตระกูล Assetto Corsa ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ 2019 แต่ปัจจุบันตัวเกมยังมีการปล่อยตัวอัปเดตออกมาอยู่เรื่อย ๆ รวมไปถึงปล่อย DLC ใหม่ ๆ มาให้แฟน ๆ ได้ตื่นเต้นกันอยู่ตลอด และล่าสุดกับราคาโปรโมชั่นที่ลดสูงสุด 70% จากราคา 1,299 บาท เหลือเพียง 389.70 บาท ที่สำคัญ DLC ของเกมยังลดสูงสุดถึง 60% เลยทีเดียว

  • MotoGP™23 + MotoGP™21

เกมแข่งรถที่จะนำคุณไปสัมผัสความมันกับการแข่งขัน MotoGP ที่นอกจากคุณจะได้สัมผัสกับรูปแบบการแข่งรถระดับโลกแล้ว คุณยังจะได้สวมบทบาทของการเป็นนักแข่ง ที่หนึ่งในนั้นอาจจะเป็นนักแข่งในดวงใจของคุณ ราคาโปรโมชั่นลดสูงสุด 39% จาก 2,110 บาท เหลือเพียง 1,294.65 บาท ซึ่งในราคานี้คุณจะได้ทั้งตัวเกม MotoGP™23 และ MotoGP™21

  • Hot Wheels Unleashed 

จากรถของเล่นสู่เกมออนไลน์ ที่ให้ความมันเหนือจินตนาการ โดยเกมนี้นอกจากคุณจะได้ประชันความเร็วรถแข่งที่มีให้เลือกเยอะมาก กับเพื่อน ๆ บนโลกออนไลน์แล้ว คุณยังจะได้ออกแบบรถและสนามแข่งได้ด้วยตัวเอง จึงทำให้การแข่งขันนั้นสุดมันและเร้าใจกว่าที่เคย ราคาโปรโมชั่นลดสูงสุด 80% จาก 799 บาท เหลือเพียง 159.80 บาทเท่านั้น

เกมลดราคา Steam 2023

เทศกาลลดราคาฤดูร้อน DLC ยังขนมาลดให้แบบจุก ๆ 

สำหรับใครที่สงสัยว่า เกม Steam ลดราคาช่วงไหน จริง ๆ แล้ว บน Steam จะมีการระบุการจัดช่วงโปรโมชั่นอย่างชัดเจน โดย Steam จะจัดเทศกาลลดราคาตามฤดูกาลหลักปีละ 4 ครั้ง โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ฤดูหลัก ๆ ได้แก่ เทศกาลลดราคาฤดูใบไม้ผลิ วันที่ 16 – 23 มีนาคม, เทศกาลลดราคาฤดูร้อน วันที่ 29 มิถุนายน – 13 กรกฎาคม, เทศกาลลดราคาฤดูใบไม้ร่วง วันที่ 21 – 28 พฤศจิกายน และเทศกาลลดราคาฤดูหนาว วันที่ 21 ธันวาคม 2023 – 4 มกราคม 2024 (เวลาของประเทศไทยจะเร็วกว่า 1 วัน) 

ซึ่งอย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า เกมลดราคา steam 2023 ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้คือ เทศกาลลดราคาฤดูร้อน และแน่นอนว่าการจัดเทศกาลนี้ไม่ได้จัดลดราคาเพียงแค่เกมแข่งรถ หรือตัวเกมหลักเท่านั้น แต่ DLC หรือแพ็กเสริมของเกมก็จัดลดราคามาให้แบบจุก ๆ ไม่แพ้กัน ซึ่ง เกมลดราคา Steam ตอนนี้ ส่วนใหญ่ที่มี DLC ก็จะมีการจัดลดราคามาให้แบบจัดเต็ม ดังนั้นใครที่ไม่อยากพลาดโปรโมชั่นดี ๆ แบบนี้ต้องรีบแล้ว

Aston Martin DBX 707 รถยนต์สไตล์ SUV ดีไซน์ดุดันตามฉบับ Aston Martin

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ18 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
Content

Aston Martin DBX 707 รถยนต์สไตล์ SUV ดีไซน์ดุดันตามฉบับ Aston Martin

Aston Martin DBX 707

  Aston Martin DBX 707 เป็นรถยนต์ SUV ที่เปิดตัวครั้งแรกปี 2022 ที่มาพร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Aston Martin อีกทั้งยังมีพละกำลังระดับเทพ ทำให้รถรุ่นนี้มาพร้อมความดุดัน สปอร์ต Luxury และโดดเด่นไม่แพ้ใคร และที่สำคัญรถรุ่นนี้ยังนับว่าเป็น SUV รุ่นแรกของ Aston Martin เลยก็ว่าได้

Aston Martin DBX 707 รถยนต์ 707 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 

Aston Martin DBX 707

รถยนต์Aston Martin DBX 707 มาพร้อมเครื่องยนต์ Twin-Turbo V8 4 ลิตร เครื่องยนต์วางกลางด้านหน้าพร้อมไฟร์วอลล์สองชั้น ให้กำลังสูงสุด 707 แรงม้า (Ps) หรือ 697 BHP 520 กิโลวัตต์ ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 900 นิวตัน – เมตร (663 lb-ft) ที่ 2,750 – 4,500 รอบ/นาที และ 2023 Aston Martin DBX 707 0-60 ไมล์/ชั่วโมง ใน 3.1 วินาที (0-100 กม./ชม. ใน 3.3 วินาที) ความเร็วสูงสุด 193 ไมล์/ชั่วโมง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า เกียร์อัตโนมัติน้ำหนักเบาหล่อด้วยแมกนีเซียม 9 สปีด และ มีโหมดการขับขี่แบบปรับได้ 5 โหมด (on-road 4 โหมด และ off-road 1 โหมด)

ดีไซน์ และ รูปลักษณ์ของตัวรถ SUV เป็นแบบ 5 ประตู 5 ที่นั่ง ซันรูฟกระจกพาโนรามาที่ช่วยให้รถรู้สึกโปร่ง ไม่อึดอัด กระจกด้านข้างเคลือบกันเสียง กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตพร้อมกระจังหน้าแบบใบพัดคู่ ช่องระบายความร้อนในตัวรถแบบกว้าง และ สปอยเลอร์คาร์บอนไฟเบอร์ นอกจากนี้ DBX 707 มาพร้อม ระบบกล้อง 360° พร้อมติดตั้งกล้องหลัง Ambient lighting (64 สี, dual zone) 

ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน เบาะนั่งคู่หน้าและกระจกมองข้าง มาพร้อมฟังก์ชันหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง กล่องเก็บของพร้อมระบบล็อคไฟฟ้า ภายในหุ้มด้วยวัสดุหนังและAlcantara เบาะนั่งแบบสปอร์ต 16 ทิศทาง พนักพิงศีรษะปัก Aston Martin โดยเบาะนั่งด้านหลังทั้ง 3 ที่นั่ง พับแยกแบบ 40:20:40 และเบาะทั้งหมดมีระบบอุ่นเบาะ อีกทั้งภายในยังถูกติดตั้งลำโพง 14 ตัว 800 วัตต์ จาก Aston Martin Premium Audio System และ Wireless charger 

สุดท้ายคือในส่วนของ เทคโนโลยีความบันเทิง รุ่นนี้ก็ให้มาแบบจัดเต็ม ด้วยจอแสดงผลกลางแบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลผู้ขับขี่แบบ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว ช่องเสียบชาร์จ 12V ที่จะถูกติดตั้งอยู่ที่ด้านหน้า ด้านหลัง และห้องเก็บสัมภาระ (loadspace) วิทยุ AM/FM/DAB รองรับ Apple CarPlay™ การเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือด้วย Bluetooth พร้อมการสตรีมเสียง ระบบนำทางด้วยดาวเทียม (HDD) พอร์ต SD Card และ พอร์ต USB 4 ตำแหน่ง เป็นต้น

รถยนต์Aston Martin DBX 707 ราคา เริ่มต้นที่ราว ๆ $294,886

สำหรับ รถยนต์Aston Martin DBX 707 รุ่นนี้ยังไม่ถูกนำเข้าเมืองไทย และราคาไทยยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด แต่สำหรับAston Martin DBX ที่มาพร้อมกำลังสูงสุด 550 แรงม้า (Ps) ถูกนำเข้าไทยแล้วเป็นที่เรียบร้อย และมีราคาเริ่มต้นที่ 19.9 ล้านบาท ดังนั้นเราจึงคาดว่าสำหรับ รุ่นDBX 707 หากถูกนำเข้าไทยแล้วอาจจะมีราคาสูงถึงเกือบ 30 ล้านบาทเลยก็เป็นได้ และสำหรับราคาในต่างประเทศนั้น รถรุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 294,886 ดอลลาร์สหรัฐ หรืออยู่ที่ราว ๆ 9,728,289.14 บาทเท่านั้น ดังนั้นใครที่อยากสัมผัสรถ SUV รุ่นแรกของAston Martin ก็สามารถติดต่อไปยังAston Martin Bangkok สำหรับสัมผัสรุ่น DBX ได้แล้ววันนี้

Toyota Yaris 2023 ดีไซน์ใหม่ โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ18 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
Content

Toyota Yaris 2023 ดีไซน์ใหม่ โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร

Toyota Yaris 2023

คุณพร้อมที่จะเป็นเจ้าของแล้วหรือยังสำหรับ Toyota Yaris 2023 ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ และหนึ่งสิ่งที่ทำให้เราจะไม่พูดถึงเลยนอกจากเรื่องของสมรรถนะก็คือเรื่องของดีไซน์ ที่โดดเด่นในส่วนของกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์สุด ๆ ทำให้เราลืมรุ่นก่อนหน้าไปได้เลย และที่สำคัญ Yaris รุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมรุ่นย่อยทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Sport, Smart, Premium และ Premium S ซึ่งเป็นรุ่นที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ด้วย

รีวิว Toyota Yaris 2023 รุ่น Premium S ตัวท้อปสุดของซีรีส์นี้

Toyota Yaris 2023

Toyota Yaris 2023 รุ่น Premium S คือรถรุ่นท้อปของ โตโยต้ายาริส ปี 2023 โดยรุ่นนี้จะมาพร้อมเครื่องยนต์ 2 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-iE 1,197 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) 68 กิโลวัตต์ ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 109 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที แบบอัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock และขับเคลื่อนล้อหน้า โดยทั้ง 4 รุ่นย่อยจะเป็นเครื่องยนต์ประเภทเดียวกัน จึงให้กำลังแรงม้า และแรงบิดที่เท่ากัน

แต่สิ่งที่ทำให้รถทั้ง 4 รุ่นมีความแตกต่างกันนั้นคือในเรื่องของออปชัน และการตกแต่ง โดย Yaris โฉมใหม่ 2023 รุ่น Premium S การตกแต่งภายนอกจะมาพร้อมวัสดุตกแต่งสปอยเลอร์หลังคาและกระจกด้านหลัง ที่รุ่นอื่น ๆ จะไม่มี ภายในเบาะทรงสปอร์ตหุ้มด้วยหนังและหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยสีทูโทนแดง – ดำ กระจกด้านข้างคนขับมีระบบป้องกันการหนีบ 

นอกจากนี้ New Toyota Yaris 2023 ยังมีจอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่เป็นแบบจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว จอกลางหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมระบบ Apple CarPlay และ Android Auto รองรับระบบเชื่อมต่อด้วย Bluetooth มีพอร์ต หรือช่องต่ออุปกรณ์ให้อย่างครบครัน ทั้งช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB Type-C สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12V บริเวณคอนโซลกลาง และที่สำคัญรุ่นนี้และรุ่น Premium ยังมาพร้อมกับกล้องวิดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์ (DVR) ซึ่งจะอยู่บริเวณกระจังหน้าใต้โลโก้ Toyota 

รถยนต์Toyota Yaris 2023 ราคา 559,000 สำหรับรุ่นเริ่มต้น Sport

สำหรับ รถยนต์Toyota Yaris 2023 ปัจจุบันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 559,000 บาท สำหรับToyota Yaris Sport ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น ส่วนรุ่น Smart ราคา 619,000 บาท Premium ราคา679,000 บาท และToyota Yaris Premium S ราคา 694,000 บาท 

นอกจากนี้สีของตัวรถยังมีให้เลือกมากถึง 8 สี ได้แก่ Cement Gray Metallic / Black Roof, Spicy Scarlet / Black Roof, Platinum White Pearl / Black Roof, Red Mica Metallic / Black Roof, Platinum White Pearl, Urban Metal, Metal Stream Metallic และ Attitude Black Mica โดยสีต่าง ๆ เหล่านี้จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด 

Suzuki Hayabusa 2023 บิ๊กไบค์ระดับตำนานที่กลับมาโลดแล่นบนท้องถนนอีกครั้ง

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
Content

Suzuki Hayabusa 2023 บิ๊กไบค์ระดับตำนานที่กลับมาโลดแล่นบนท้องถนนอีกครั้ง

Suzuki Hayabusa 2023

Suzuki Hayabusa นับว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ต หรือ บิ๊กไบค์ ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งในยุค 90s – 2000s อีกทั้งยังปรากฏตัวในภาพยนต์ชื่อดังอีกหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งล่าสุด Suzuki Hayabusa 2023 กลับมาอีกครั้ง แต่ยังคงไว้ซึ่งดีไซน์ หรือ รูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Hayabusa แต่สิ่งที่ยกใหม่หมดคือเรื่องของเครื่องยนตร์ และขุมพลัง ที่งานนี้บอกได้เลยว่า รุ่นปี 2023 แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

Suzuki Hayabusa 2023 เครื่องยนต์ขนาด 1,339 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า

Suzuki Hayabusa 2023

Suzuki Hayabusa 2023ถูกเปิดตัวภายใต้ชื่อ “Suzuki All New Hayabusa” ซึ่งเป็นรถที่ทาง Suzuki พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็นับเป็นเวลากว่า 24 ปี ดังนั้นเราเชื่อว่าใครที่เป็นสายบิ๊กไบค์ หรือ สายรถสปอร์ต ต้องรู้จักรถรุ่นนี้อย่างแน่นอน ซึ่งSuzuki All New Hayabusaนับว่าเป็น Gen 3 ที่พัฒนามาต่อจากรุ่นปี 2022 Generation เดียวกัน 

โดย New Suzuki Hayabusa 2023เป็นเจ้าของสถิติ Guinness World Records เนื่องจากเป็นรถจักรยานยนต์คันแรกของโลกที่ทำความเร็วเกิน 300 กม./ชม. ที่จะถูกจารึกอีกครั้ง ซึ่งSuzuki Hayabusa 2023 มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC 4 จังหวะ 1,339.8 ซีซี พร้อมระบบ Liquid-Cooled ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า เกียร์ 6 speed constant mesh ไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ และ โดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบ LED Combination จอแสดงผล TFT LCD แบบใหม่ ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถเห็นข้อมูล Active Data ได้แบบ Real-Time อีกทั้งยังมีโหมดขับขี่ให้เลือก 3 ระดับ และ Custom โหมด ที่คุณสามารถเลือกเองได้อีก 3 โหมดด้วยกัน มี Power Mode 3 ระดับ ที่จะตอบสนองคันเร่งได้อย่างรวดเร็ว เฉียบคม และนุ่มนวล ในแบบสปอร์ต และที่สำคัญคือรถรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบต่าง ๆ ที่ให้ทั้งความปลอดภัย และการเพิ่มประสิทธิภาพของรถอีกมากมายเลยทีเดียว

นอกจากนี้ Hayabusa 2023 มีขนาดอยู่ที่ 735 x 2,180 x 1,165 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) น้ำหนัก 264 กิโลกรัม และด้วยเฟรมแบบTwin-Spar และสวิงอาร์มอะลูมิเนียมอัลลอยด์ จึงทำให้รถรุ่นนี้มีโครงสร้างที่ทั้งแข็งแกร่ง และมีน้ำหนักเบา และเนื่องจากรถรุ่นนี้เป็นรถสปอร์ต จึงเป็นรถที่ออกแบบมาให้ที่นั่งมีให้เฉพาะของคนขี่เท่านั้น ซึ่งจะแตกต่างจากรถสายทัวร์ริ่งนั่นเอง 

Hayabusa 2023 ราคา 899,000 บาท มีสีให้เลือก 6 สี 

Suzuki Hayabusa2023 ปัจจุบันพร้อมให้คุณสามารถจองเป็นเจ้าของผ่านตัวแทนจำหน่าย หรือ ศูนย์ให้บริการของSuzuki ทั่วประเทศได้แล้ววันนี้ โดยSuzuki Hayabusa มีสีให้เลือกทั้งหมด 6 สีด้วยกัน ได้แก่ Metallic Thunder Gray / Candy Daring Red, Pearl Vigor Blue / Pearl Brilliant White, Metallic Mat Black No.2 / Glass Sparkle Black, Glass Sparkle Black / Candy Burnt Gold, Metallic Matte Sword Silver / Candy Daring Red และ Pearl Brilliant White / Metallic Matte Stellar Blue ซึ่งทุกสีมีราคาเริ่มต้นที่ 899,000 บาท 

Mike Hailwood อดีตนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ และ รถยนต์ ผู้ล่วงลับ

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ16 ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 นุ่มเงียบ ดอกยางเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

Mike Hailwood อดีตนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ และ รถยนต์ ผู้ล่วงลับ

Mike Hailwood

กีฬารถแข่ง” เป็นกีฬาที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน และ เป็นกีฬาที่มีการชิงแชมป์และมีชื่อเสียงระดับโลก และรายการแข่งรถต่าง ๆ ก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับนักแข่งหลาย ๆ คน หนึ่งในนั้นคือ Mike Hailwood นักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ และ รถยนต์ (motorcycle racer และ racing driver) ชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงระดับโลกรวมไปถึงผลงานของเขาที่สร้างไว้ตลอดการอยู่ในสายอาชีพของเขาก็เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ประวัติของแชมป์โลก 9 สมัย “Mike Hailwood

Mike Hailwood

Mike Hailwood หรือ Stanley Michael Bailey Hailwood เป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์ และนักแข่งรถมืออาชีพชาวอังกฤษ เขาได้รับการยกย่องจากหลาย ๆ คนว่าเป็นหนึ่งในนักแข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โดย Mike ลงแข่งขันในรายการ Grand Prix Motorcycle World Championships ตั้งแต่ปี 1958 – 1967 และเขาเป็นที่รู้จักในชื่อ “Mike the Bike” เนื่องจากความสามารถในการขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีความจุเครื่องยนต์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ในระหว่างปี 1963 – 1974 เขายังได้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ Formula One อีกด้วย

โดย Hailwood เกิดในวันที่ 2 เมษายน 1940 ที่ Oxfordshire มณฑลที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ โดยเป็นลูกชายคนเดียวและลูกคนโตของ Stanley William Bailey Hailwood นักธุรกิจเศรษฐีและกรรมการผู้จัดการของบริษัทขายรถยนต์ ตลอดจนตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จึงทำให้เขาคลุกคลีกับวงการรถยนต์มาตั้งแต่เด็ก และเขาเรียนรู้ที่จะขี่รถมินิไบค์ตั้งแต่อายุยังน้อยในทุ่งหญ้าใกล้บ้านของเขา

จนกระทั่งวันที่ 22 เมษายน 1957 ไมค์ในวัย 17 ปี เขาได้ลงแข่งรถครั้งแรกในชีวิต ที่ Oulton Park และจบอันดับที่ 11 และต่อมาในปี 1958 ไมค์ก็ได้ร่วมการแข่งขันในหลายรายการทั้ง 125cc, 250cc, 350cc และ 500cc โดยอยู่ภายใต้สังกัดทีมหลายทีม หนึ่งในนั้นคือ Ducati ซึ่งเป็นทีมที่เขาสามารถนำทีมไปความอันดับ 3 ในการแข่งขันในรายการ 125cc ในปี 1959 ซึ่งนับว่าเป็นการแข่งขันครั้งที่ 5 เท่านั้นสำหรับเส้นทางการเป็นนักแข่งของเขา

เส้นทางการเป็นนักแข่งของไมค์ก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี 1981 ไมค์ในวัย 40 ปี ในขณะที่ไมค์และครอบครัวเดินทางกลับจากทานอาหารนอกบ้านกับลูก ๆ จู่ ๆ ก็มีรถบรรทุกพุ่งผ่านเครื่องกีดขวาง และพุ่งเข้าชนรถของพวกเขาเข้าอย่างจัง จนทำให้ลูกสาวของเขา Michelle วัย 9 ขวบ เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ และ ในขณะที่ไมค์และ David ลูกชายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเป็นที่น่าเศร้าที่ไมค์เสียชีวิตใน 2 วันหลังจากนั้น แต่ก็ยังที่มีเรื่องดีอยู่บ้างจากเหตุการณ์อันเลวร้ายในครั้งนั้นที่ David สามารถรอดชีวิตมาได้ ด้วยอาการบาดเจ็บเล็กน้อย และในปี 2020 ที่ผ่านมา Pauline Hailwood ภรรยาของเขาก็ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยอาการเจ็บป่วยของเขา

Mike Hailwood

แชมป์โลก 9 สมัย กับชัยชนะกรังด์ปรีซ์ 76 รายการ และ 112 รายการบนโพเดียมระดับกรังด์ปรีซ์

Mike Hailwoodนับว่าเป็นนักแข่งระดับตำนานอีกหนึ่งคน ที่มีผลงานที่อยู่ในระดับแถวหน้าของวงการเลยก็ว่าได้ โดย ไมค์ เฮลวูด นอกจากจะมีฝีมือไม่ธรรมดาแล้ว และในปี 1978 โลกของวงการจักรยานยนต์ต้องตกตะลึงเมื่อได้ข่าวว่าMike Hailwoodในวัย 38 ปี จะกลับมาลงแข่งที่ Isle of Man TT การแข่งขันที่อันตรายที่สุดในโลก และในครั้งนั้นเขาได้ใช้ รถที่ออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะอย่าง “F1 TT Ducati” หรือ บางคนเรียกมันว่า “” และเขาก็สามารถความแชมป์มาจนได้ ทำให้จำนวนชัยชนะใน Isle of Man TT ของเขาเพิ่มขึ้นจาก 13 เป็น 14 สมัยทันที

นอกจากนี้ไมค์ยังเคยเป็นแชมป์โลกในรายการแข่งมอเตอร์ไซค์ 9 สมัย โดยแช่งโลกครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1961 ในการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ 250 cc ซึ่งตั้งแต่ปี 1961 – 1967 ไมค์สามารถรักษาตำแหน่งแชมป์มาได้ 7 ปี ซ้อนเลยทีเดียว นอกจากนี้ในปี 1972 เขายังสามารถคว้าแชมป์ European Formula Two Championship มาได้อีกเช่นกัน เรียกได้ว่าตลอดการเป็นนักแข่งของเขา เขาทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ในทุก ๆ รายการแข่งขันจริง ๆ 

BMW X1 2023 รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมเปิดเผยราคาไทยแบบฉ่ำ ๆ

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ16 ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 นุ่มเงียบ ดอกยางเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

BMW X1 2023 รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมเปิดเผยราคาไทยแบบฉ่ำ ๆ

BMW X1 2023

เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ BMW X1 2023 รถยนต์ SUV 5 ที่นั่ง รุ่นใหม่ล่าสุดจาก BMW ที่ล่าสุดพร้อมให้แฟนชาวไทยเป็นเจ้าของแล้ว ซึ่งสเปคของรถรุ่นนี้จะน่าสนใจขนาดไหน วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสเปคในไทยของรถรุ่นนี้มาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว

เปิดสเปค BMW X1 2023 รุ่นจำหน่ายในไทย แถมให้ออปชันมาให้แบบจัดเต็ม

BMW X1 2023

สำหรับBMW X1 2023 หรือBMW X1 sDrive18i คือรถ SUV รุ่นใหม่ล่าสุดจากBMW ที่เผยโฉมให้แฟน ๆ ได้สัมผัสภายในงานมอเตอร์โชว์ 2023ที่ผ่านมา โดยรถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 3 สูบ เทคโนโลยีBMW TwinPower Turbo 1,499 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า 115 กิโลวัตต์ ที่ 4,900-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ที่ 1,500-4,600 รอบต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แบบ Steptronic พร้อมคลัตช์คู่ ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า โดย All New BMW X1 2023มีอัตราเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ภายใน 9 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 215 กม./ชม. เลยทีเดียว และBMW X1 2023 อัตราสิ้นเปลือง เชื้อเพลิงแบบผสมมาตรฐาน WLTP อยู่ที่ 12.6 กิโลเมตร/ลิตรเท่านั้น

มิติรถยนต์อยู่ที่ 4,500 x 1,845 x 1,642 มม. (ยาวxกว้างxสูง) ปริมาตรในการบรรจุของ 540 – 1,600ลิตร ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และการตกแต่งภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ เบาะหุ้มหนัง Sensatec KHMY แบบมีรูพรุน สี Mocha เบาะหลังสามารถปรับการใช้งานให้เข้ากับสถานการณ์ได้ โดยสามารถปรับเบาะนั่งแยกจากกันได้อิสระมากถึง 130 มิลลิเมตรในอัตราส่วน 60:40 พวงมาลัยสปอร์ตหุ้มหนังสีดำมาพร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน พร้อมเทคโนโลยีระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant) นอกจากนี้ในส่วนของระบบความบันเทิงและการสื่อสารก็ให้มาแบบจัดเต็มทั้ง ระบบ BMW ConnectedDrive, ระบบเครื่องเสียงแบบ Stereo, จอแสดงผลแบบโค้ง ความคมชัดสูง และระบบเชื่อมต่อ Smartphone เป็นต้น

รถยนต์BMW X1 2023 เข้าไทย พร้อมราคาเบา ๆ ที่ 2,209,000 บาท

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังรอ รถยนต์BMW X1 2023ปัจจุบันรถรุ่นนี้เข้าไทย พร้อมเปิดเผยราคาจำหน่ายในไทยแล้วเรียบร้อย โดย รถยนต์BMW X1 2023ราคา เริ่มต้นอยู่ที่ 2,209,000 บาท พร้อม 3 สีให้เลือก ได้แก่ Alpine White solid, Black Sapphire metallic และ Space Silver metallic รวมไปถึงสีเบาะ และอุปกรณ์เสริมในรถที่ให้เลือก 2 สี ได้แก่ Sensatec perforated | Black และ Sensatec perforated | Mocha โดยการตกแต่งต่าง ๆ เหล่านี้จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด ดังนั้นงบไม่บานปลายแน่นอน และสำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากลองสัมผัสรถยนต์รุ่นนี้ก็สามารถติดต่อสอบถามไปยังโชว์รูม BMW ก่อนที่จะตัดสินใจจองก่อนก็ได้เช่นกัน

รวม 5 กระบะ 4 ประตู ราคาไม่ถึงล้าน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ16 ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 นุ่มเงียบ ดอกยางเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

รวม 5 กระบะ 4 ประตู ราคาไม่ถึงล้าน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

กระบะ 4 ประตู

กระบะ 4 ประตู นับว่าเป็นรถยนต์อีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมสูง และเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน เพราะนอกจากรถยนต์ประเภทนี้จะมีห้องโดยสารที่กว้างขวาง ให้ผู้โดยสารสามารถนั่งได้อย่างสบายไม่รู้สึกอึดอัดแล้ว รถกระบะยังสามารถบรรทุกของได้กว่ารถประเภทอื่น ๆ อีกด้วย (ไม่รวมรถบรรทุกนะ ^^) ซึ่งในวันนี้เราอยากแนะนำ 5 รถกระบะ 4 ประตูที่มีราคาไม่ถึงล้านมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนที่อยากได้รถกระบะมาไว้ใช้งานในช่วงนี้

แนะนำ 5 กระบะ 4 ประตู ที่จัดเต็มทั้งพละกำลังและดีไซน์

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังรอรีวิว กระบะ 4 ประตู ที่ให้คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ด้วยงบสบายกระเป๋า ไม่ถึงหลักล้านบาท วันนี้เราได้รวม 5 รถกระบะ 4 ประตู จากหลากหลายแบรนด์ดังมาแนะนำให้เพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว

กระบะ 4 ประตู
  • Hilux Revo Z Edition

รถกระบะ 4 ประตู Toyota ที่เปิดตัวมาพร้อม 3 รุ่นย่อย เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler 2,393 ซีซี ที่กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (110 กิโลวัตต์) ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตรที่ 1,600 – 2,000 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift แหนบซ้อน พร้อมช็อคแอบซอร์บเบอร์ปรับจูนพิเศษ พร้อมอัลลอย 17 นิ้ว

ราคาเริ่มต้น: 629,000 บาท

  • Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 

รถกระบะตัวตึงจาก Mitsubishi ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ ดีเซล 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว MIVEC VG Turbo Intercooler 2,442 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า (133 กิโลวัตต์) ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ล้ออัลลอย 17 นิ้ว มีแผงกันกระแทกด้านล่าง พร้อมแชสซีส์เหล็กกล้า 2 ชั้น จึงทำให้รถรุ่นนี้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

ราคาเริ่มต้น: 956,000 บาท

  • Isuzu D-Max Hi-Lander

รถกระบะ 4 ประตู Isuzu Hi-Lander 1.9 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen2 4 สูบ แถวเรียง 16 วาลว DOHC พรอม VGS เทอรโบและอินเตอรคูลเลอร 1,898 ซีซี กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (110 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800–2,600 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา และ อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม RevTronic ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ อีกทั้งยังพิเศษสุด ๆ ด้วยช่วงล่างด้านหลัง ที่เสริมด้วยแหนบยาวแบบ Long Span จึงช่วยให้ตัวแหนบมีความแข็งแกร่ง ทนทาน ยืดหยุ่นและให้ความนุ่มนวลกว่าแหนบปกติ

ราคาเริ่มต้น: 840,000 บาท

กระบะ 4 ประตู
  • Mazda Double Cab

รถกระบะ 4 ประตูที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VGS เทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ 1,898 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (110 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ 6 สปีด ล้ออัลลอย 15 – 17 นิ้ว ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และที่สำคัญโครงสร้างของตัวถังยังถูกผลิตขึ้นจากเหล็กกล้า ดังนั้นจึงทำให้รถรุ่นนี้ทนต่อแรงดึงสูง (High Tensile Steel)

ราคาเริ่มต้น: 771,000 บาท  

กระบะ 4 ประตู
  • Ford Next-Gen Ranger XLT

กระบะพันธุ์ดุสัญชาติอเมริกัน ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0L Turbo 4 สูบ 1996 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (125 กิโลวัตต์) ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ 6 สปีด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 

ราคาเริ่มต้น: 809,000 บาท

จุดเด่นของรถกระบะ 4 ประตู ภายในกว้างขวาง บรรทุกของได้เยอะ

ตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า กระบะ 4 ประตู เป็นรถยนต์ที่นอกจากจะมีห้องโดยสารที่กว้างขวางสามารถโดยสารได้สูงสุดถึง 5 คนแล้ว รถกระบะ ยังสามารถใช้ขนสัมภาระได้มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับรถประเภทอื่น ๆ ซึ่งจุดนี้นับว่าเป็นจุดเด่นของรถประเภทนี้เลยก็ว่าได้ 

ที่สำคัญบางคนอาจจะยังลังเลใจว่าระหว่าง กระบะ 4 ประตู กับ SUV ควรเลือกซื้ออะไรดีเนื่องจากรถทั้ง 4 ประเภทนอกจากจะมีราคาที่อยู่ในเรทเดียวกันแล้ว ยังมีภายในกว้างขวาง โดยสารได้หลายคน รวมไปถึงยังสามารถบรรทุกสัมภาระได้จำนวนมากเช่นเดียวกัน ซึ่งเราอยากแนะนำเช่นนี้ว่าการเลือกซื้อรถควรเลือกซื้อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ หรือสอดคล้องกับการใช้งานของเรา เช่นสำหรับคนที่มีครอบครัวใหญ่ รถ SUV ก็อาจจะเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณมากกว่า เนื่องจากส่วนใหญ่มักจะมีที่นั่งตั้งแต่ 5 – 7 ที่นั่งขึ้นไป แต่สำหรับใครที่ต้องเน้นการบรรทุกของเป็นหลักรถกระบะก็อาจจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า

Silverado EV รถกระบะไฟฟ้า รุ่นแรกของ Chevrolet

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ16 ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 นุ่มเงียบ ดอกยางเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

Silverado EV รถกระบะไฟฟ้า รุ่นแรกของ Chevrolet

รถกระบะไฟฟ้า

ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์หลาย ๆ แบรนด์เริ่มมีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก และ Chevrolet แบรนด์รถยนต์สัญชาติอเมริกันก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน โดยปัจจุบันทาง Chevrolet ได้มีการวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วหลายประเภทด้วยกันและ รถกระบะไฟฟ้า ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีกไม่ช้านี้

รถกระบะไฟฟ้า รุ่นแรกของ Chevrolet ที่มาพร้อมกำลังสูงสุด 754 แรงม้า

รถกระบะไฟฟ้า

อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดีว่า Chevrolet เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติอเมริกัน ดังนั้นรถยนต์จากแบรนด์จึงมีภาพลักษณ์รวมไปถึงพละกำลังที่ดุดันซึ่งจะแตกต่างจากรถจากฝั่งเอเชียอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึง รถกระบะไฟฟ้า รุ่นใหม่ล่าสุดนี้เช่นกัน เพราะถึงแม้ว่า Chevrolet Silverado EV รุ่นนี้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ก็ยังมาพร้อมภาพลักษณ์และพละกำลังที่ดุดันไม่แพ้รถยนต์สันดาปเลยก็ว่าได้

โดย รถกระบะไฟฟ้าเชฟโรเลต รุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์คู่ที่ถูกติดตั้งที่เพลาหน้าที่ท้าย ที่ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 754 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 785 ปอนด์ – ฟุต อัตราเร่งจาก 0 – 60 ไมล์/ชม. ใน 4.5 วินาที อัตราการลากจูงสูงสุด 10,000 ปอนด์ และที่สำคัญคือยังสามารถขับได้ไกลถึง 400 ไมล์ (644 กม.) ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และที่สำคัญ กระบะไฟฟ้า ยังมาพร้อมนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า “Ultium” โดย Ultium เป็นแพลตฟอร์มที่จะใช้ในการบรรจุแบตเตอรี่ และจะถูกนำไปใช้กับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ ในเครือเจเนรัลมอเตอร์อีกด้วย

Silverado EV ที่พร้อมฟังก์ชันการใช้งานแบบจัดเต็ม 

สำหรับ รถกระบะไฟฟ้า จากเชฟโรเลตรุ่นนี้คาดว่าจะวางจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2023 นี้ ซึ่งสำหรับในไทยเราอาจจะต้องดูว่าจะมีผู้นำเข้าอิสระนำเข้ามาจำหน่ายหรือไม่ และที่สำคัญรถรุ่นนี้ยังจะถูกผลิตออกมาหลายรุ่นด้วยกัน แต่สำหรับรุ่นที่ทางแบรนด์เปิดให้จองในขณะนี้จะเป็นรุ่น Silverado EV RST ซึ่งจะเป็นการจองรถในล็อตที่ 2 ที่ผู้จองจะได้รับรถในช่วงปี 2024 โดย รถกระบะไฟฟ้าราคา เริ่มต้นอยู่ที่ $39,900 หรือราว ๆ 1,356,679.80 บาท

นอกจากนี้สำหรับการตกแต่ง รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานของรถรุ่นนี้ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นหน้าจอกลางขนาดใหญ่ 17 นิ้ว ผสานการทำงานกับ Google จึงให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและครบครัน อีกทั้งยังรองรับการสั่งการด้วยเสียง “Hey Google” อีกทั้งยังมีการติดตั้งจุดสำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้ารอบตัวรถ จึงทำให้คุณสามารถดึงเอาพลังงานจากตัวรถมาใช้งานได้สบาย ๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ส่วนฝากระโปรงหน้าก็มีช่องเก็บของขนาดใหญ่ให้คุณเก็บของได้อย่างจุใจเลยทีเดียว และที่สำคัญรถรุ่นนี้ยังถูกออกแบบให้พร้อมลุยไปกับทุกสภาพถนนและขับได้สบาย ๆ แม้ว่าจะเป็นการขับแบบออฟโรด หรือออนโรด  

อย่างไรก็ตาม พอได้เห็นภาพรวมของรถยนต์จาก Chevrolet รุ่นนี้ก็อดเสียดายไม่ได้ที่เราจะไม่ได้สัมผัสรถยนต์ไฟฟ้าที่จัดเต็มทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าจะมีผู้นำเข้าอิสระรายไหนไหมที่จะนำเข้ารถรุ่นนี้มาให้เราได้สัมผัสรถของจริง

อ่านบทความอื่น ๆ >> DS9 E-Tense 4×4 360 รถยนต์ Plug-in Hybrid สุดยอดความหรูหราจากฝรั่งเศส

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ16 ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 นุ่มเงียบ ดอกยางเกาะถนนได้ดี