Categories
Content

Porsche Cayenne GTS Coupé คูเป้ 4 ประตู พร้อมสีพิเศษต้อนรับตรุษจีน

Porsche Cayenne GTS Coupé

Porsche Cayenne GTS Coupé เป็นรถคูเป้ 4 ประตู ที่เปิดตัวครั้งแรกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 โดยรถรุ่นนี้เป็นรถครอบครัวที่จัดเต็มในเรื่องของความสปอร์ตทั้งในส่วนของดีไซน์ และ พละกำลัง และที่สำคัญตรุษจีนปีกระต่ายปีนี้ ใครที่กำลังหาของขวัญชิ้นใหญ่ต้อนรับตรุษจีน Porsche Cayenne GTS Coupé ที่ตกแต่งด้วย Special Colour ก็อาจจะเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่เพิ่มความเฮงให้กับปีกระต่ายปีนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

Porsche Cayenne GTS Coupé 453 แรงม้า รถครอบครัวที่แรงในฉบับของ Porsche

Porsche Cayenne GTS Coupé

Porsche Cayenne GTS Coupéมีขนาดของตัวรถ ยาว 4,939 มม. กว้าง 1,995 มม. กว้าง (รวมกระจก) 2,194 มม. สูง 1,656 มม. และ ระยะฐานล้อ 2,895 มม. ภายในกว้างขวางจึงทำให้สามารถโดยสาร 4 – 5คนได้แบบสบาย ๆ และไม่อึดอัด และ ปริมาตรห้องเก็บสัมภาระใหญ่ที่สุด (หลังเบาะหน้า จนถึงหลังคา) 1,507 ตร.ม. เลยทีเดียว 

Porsche Cayenne GTS Engine (เครื่องยนต์) รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4 ลิตร 3,996 ซีซี 8 สูบ ที่ให้กำลังสูงสุด 453 แรงม้า (Hp) 338 กิโลวัตต์ 460 PS ที่ 6,000 – 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 620 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 4,500 รอบต่อนาที Top speed 270 กม./ชม. อัตราเร่งของPorsche cayenne GTS Coupe 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง พร้อม Sport Chrono Package ใน 4.2 วินาที (0 – 100 กม./ชม. 4.5 วินาที ) เกียร์ 8-Speed Tiptronic S อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในเมือง 15.3 – 14.9 ลิตร และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนอกเมือง 9.1 – 9.1 ลิตรเท่านั้น 

การตกแต่งภายในและอุปกรณ์ความบันเทิงที่ Porsche ให้มาก็เรียกว่าให้มาอย่างครบครัน โดยหากเป็นภายในมาตรฐานจะมาพร้อมเบาะนั่งที่หุ้มด้วยหนังกลับสังเคราะห์ (Alcantara) เบาะนั่งด้านหน้าแบบสปอร์ต GTS พร้อมพนักพิงศีรษะในตัว ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ระบบเบาะนั่งด้านหลังเป็นแบบสปอร์ต 2 ที่นั่ง พนักพิงศีรษะ 2 ทิศทาง ปรับเอนพนักพิงได้เอง พนักพิงพับแยก (40 /20/40) ถาดเก็บของตรงกลางและที่วางแขนตรงกลางแบบพับได้พร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ช่อง (หรือเลือกแบบ 5 ที่นั่งก็ได้) 

พวงมาลัยสปอร์ต ด้านหน้ามีที่วางแก้วในตัว 2 ช่อง ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติพร้อมการตั้งค่าอุณหภูมิและปริมาณลมแยกกันสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมโหมดหมุนเวียนอากาศอัตโนมัติ รวมถึงเซนเซอร์คุณภาพอากาศ ปุ่ม AC-MAX และเซนเซอร์วัดความชื้น มีระบบใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน ทั้ง Apple CarPlay® และ Android Auto™ มีระบบ Porsche Communication Management (PCM) ภายในถูกติดตั้งลำโพง 10 ตัวและเอาต์พุตรวม 150 วัตต์ พอร์ตชาร์จ USB-C 2 พอร์ตที่ช่องเก็บของคอนโซลกลางด้านหน้า และ พอร์ตชาร์จ USB-C 2 พอร์ตบริเวณคอนโซลกลางด้านหลัง เป็นต้น

Porsche Cayenne CoupeGTS ราคา เริ่มต้นที่ 12,400,000 บาท

Porsche Cayenne GTS Coupé

สำหรับใครที่สนใจอยากเป็นเจ้าของPorsche Cayenne GTS Coupé ในปี 2023 นี้ รถรุ่นนี้ถูกนำเข้าไทยแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยCayenne GTS Coupe มีราคาเริ่มต้นที่ 12,400,000 บาท โดยมีสีตัวรถให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ ขาว และ ดำ ส่วน Metallic Colour ที่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 121,000 บาท มีทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Carrara White Metallic, Chromite Black Metallic, Dolomite Silver Metallic, Moonlight Blue Metallic, Mahogany Metallic และ Quarzite Gray Metallic

แต่สำหรับใครที่สนใจอยากได้สีพิเศษต้อนรับตรุษจีนปีนี้ จะเป็นในส่วนของ Special Colour จะมีราคาอยู่ที่ 263,000 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Carmine Red, Crayon และ Cashmere Beige Metallic ซึ่งสี Carmine Red และ Cashmere Beige Metallic จะเป็นสีที่เราอยากแนะนำให้สำหรับคนที่กำลังตามหาของขวัญให้คนรักหรือให้กับตัวเองในวันตรุษจีนเพื่อเพิ่มความเฮง เนื่องจาก ทั้ง 2 สี จะเป็น สีแดง และ สีทอง ที่เป็นสีมงคลของวันตรุษจีนนั่นเอง ซึ่งจะทำให้ Cayenne GTS ของคุณมีราคาอยู่ที่ 12,663,000 บาทเท่านั้น

อ่านข่าวสารรถอื่น ๆ >> New York to Paris race 1908 แข่งรถข้ามทวีป ให้โลกจำ

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

New York to Paris race 1908 แข่งรถข้ามทวีป ให้โลกจำ

แข่งรถข้ามทวีป

New York to Paris race 1908 นับว่าเป็นการแข่งรถที่ต้องถูกบันทึกลงสู่หน้าประวัติศาสตร์ของกีฬาแข่งรถเลยทีเดียว โดยการแข่งรถนี้เป็นนับว่าเป็นการ แข่งรถข้ามทวีป ที่ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1907 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่เริ่มต้นจากปักกิ่ง ทวีปเอเชียยาว ไปจนถึงกรุงปารีส ทวีปยุโรป และ 1 ปีถัดมาในปี 1908 การแข่งขัน New York to Paris race ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยมีผู้คนกว่า 250,000 คน เข้าร่วมเป็นสักขีพยานที่จุดสตาร์ท ซึ่งจัดขึ้นที่ Times Square ของรัฐนิวยอร์ก

เล่าประวัติรายการ แข่งรถข้ามทวีป ที่ถูกจารึกให้เป็นการแข่งขันที่โหดที่สุด

แข่งรถข้ามทวีป

แข่งรถข้ามทวีป หากกล่าวคำนี้ในปัจจุบันหลาย ๆ คนคงอาจจะรู้สึกว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นอะไรสักเท่าไร เนื่องจากปัจจุบันก็มีการแข่งขันประเภทนี้เกิดขึ้นหลายรายการด้วยกัน เช่น ดาการ์แรลลี เป็นต้น แต่ที่จึงแล้วหากย้อนไปเมื่อราว 115 ปีก่อน การแข่งขันแข่งข้ามทวีปได้ถือกำเนิดขึ้นในชื่อรายการ New York to Paris race 1908 หรือเรียกสั้น ๆ ว่า The Great Race 

ความน่าทึ่งของการแข่งขันนี้นอกจากจะเป็นการแข่งรถข้ามทวีปจากอเมริกาเหนือ (นิวยอร์ก) ไปจนถึงวีปยุโรป (ปารีส) แล้ว การแข่งขันนี้ยังถูกจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนแรงที่สุดของปีอีกด้วย ดังนั้นหากย้อนไปเมื่อ 115 ปีที่แล้วด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างจึงทำให้การแข่งขันนี้กลายเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ต้องถูกบันทึกไว้เลยว่าเป็นการแข่งรถที่ยิ่งใหญ่ และโหดที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้

แข่งรถข้ามทวีป

การแข่งขันดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันจาก 4 ประเทศ จำนวน 17 คน จากทีมทั้งหมด 6 ทีม ได้แก่ Thomas American, Zust Italian, Protos German, De Dion French, Moto – Bloc French และ Sizaire Naudin French โดย ทีม Thomas และ ทีม De Dion มีสมาชิกทีมทั้งหมดทีมละ 4 คน ส่วนทีมที่เหลือจะมีสมาชิกทีมทั้งหมดทีมละ 3 คน 

โดยการแข่งขันเริ่มขึ้นในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1908 ซึ่งมีจุดสตาร์ทอยู่ที่ Times Square นิวยอร์ก และไปสิ้นสุดที่หอคอยไอเฟล กรุงปารีส ซึ่งเส้นทางการแข่งขันจะไปทางตะวันตกข้ามสหรัฐอเมริกาไปยังซีแอตเทิลจากนั้นไปยัง วัลเดซ อะแลสกา และข้ามไปยังช่องแคบเบริงที่ในช่วงนั้นจะกลายเป็นธารน้ำแข็ง จากนั้นเดินทางต่อไปยัง ไซบีเรีย กรุงมอสโกว เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เบอร์ลิน และสุดท้ายไปยังปารีส ซึ่งทั้งหมดเป็นระยะทางกว่า 22,000 ไมล์เลยทีเดียว

การคว้าชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของทีม Thomas 

บรรยากาศของการ แข่งรถข้ามทวีป ก่อนที่ทีม Thomas จากสหรัฐอเมริกาจะหลายมาเป็นผู้ชนะ หลังจากที่ การแข่งขันข้ามทวีป เริ่มต้นขึ้นได้เพียง 100 ไมล์แรก รถแข่งจาก 1 ใน 3 คันของฝรั่งเศส เกิดอุบัติเหตุเฟืองท้ายหัก และรถฝรั่งเศสคันที่ 2 ที่มีปัญหาทางกลไกจึงได้ยุติการแข่งขันหลังจากที่เดินทางไปจึงถึงรัฐไอโอวา ในขณะที่การแข่งขันยังคงดำเนิดต่อไป โดยมีทีม Thomas ขึ้นมาเป็นจ่าฝูงเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาใช้เวลาเพียง 41 วันเท่านั้นในการเดินทางข้ามอเมริกา 

เมื่อทีม Thomas เดินทางไปจนถึงอะแลสกาก็ได้พบว่าธารน้ำแข็งนั้นไม่มีอยู่จริง จนทำให้ผู้จัดการแข่งขัน สั่งให้พวกเขานำรถขึ้นเรือเพื่อกลับไปยังซีแอตเทิล และส่งทีมทั้งหมดข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังรัสเซีย จนทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่ 2 ที่เข้าเส้นชัย ซึ่งช้ากว่าทีมจากเยอรมนีอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ แต่หลังที่การแข่งขันจบลงก็พบว่าทีมจากเยอรมนีทำผิดกฎของการแข่งขันโดยการนำรถขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปยังทางตะวันตกของอเมริกา ดังนั้นจึงทำให้ทีม Thomas จากอเมริกาได้ชัยชนะมาได้ในที่สุด และในการแข่งขันครั้งนั้นทางทีมจากอเมริกาได้ใช้รถที่มีชื่อว่า Thomas Flyer 1907 ในการแข่งขัน โดยเป็นรถ 60 แรงม้า 4 สูบ เกียร์ 4 สปีดที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ Road Warrior โดยเฉพาะ 

อ่านข่าวสารรถอื่น ๆ >> นักแข่ง F1 Jim Clark ตำนานผู้ล่วงลับ

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

สายเกมแข่งรถ เตรียมตัวพบกับ Disney Speedstorm เกมแข่งรถ 2023

Disney Speedstorm

Disney Speedstorm เป็นเกมแข่งรถที่เตรียมจะเปิดตัวภายในปี 2023 นี้ ซึ่งเป็นเกมที่พัฒนาโดย Gameloft ค่ายเกมชื่อดังที่พัฒนาเกมชื่อดังออกมาหลายเกมด้วย เช่น Asphalt 9: Legends, The Oregon Trail และ Heroes of The Dark เป็นต้น และในปี 2023 นี้ เขาของเปิดศักราชด้วย เกมแข่งรถมัน ๆ ที่อัดแน่นอนไปด้วยตัวละครจากค่ายDisney และ Pixar ซึ่งเกมนี้จะน่าสนใจขนาดไหนวันนี้เราจะมาพรีวิวเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยให้กับเพื่อน ๆ ทุกคน

พรีวิว Disney Speedstorm เกมแข่งที่สานฝันสาวก Disney

Disney Speedstorm

Disney Speedstormเกมแข่งรถที่รวมเอาเหล่าตัวละครจากการ์ตูน และ ภาพยนตร์ชื่อดังจากDisney และ Pixar เช่น ตัวละครที่น่าทึ่ง ได้แก่ กัปตันแจ็ค สแปร์โรว์, มู่หลาน, มิกกี้เมาส์, ซัลลีย์ และอีกมากมาย เข้ามาแข่งขันกับในรูปแบบของ เกมแข่งรถ Kart สไตล์เกมอาร์เคด คล้ายกับ KartRider Rush+ หรือ Hot Wheels เป็นต้น ซึ่งภายในเกมจะมีอัปเกรดสถิติของนักแข่งแต่ละคนและใช้ทักษะเฉพาะตัวของพวกเขาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการแข่งขันเดี่ยวและเปลี่ยนวิธีการเล่นเกมของคุณอย่างมาก ดังนั้นการเลือกตัวละครที่เปรียบเสมือนตัวแทนของคุณจึงมีผลต่อการแข่งขันนั่นเอง

Disney Speedstorm

เกมแข่งรถDisney เป็นเกมที่รองรับโหมดการเล่นแบบมัลติเพลเยอร์ ที่ให้คุณสามารถร่วมแข่งขันกับเพื่อน ๆ คนอื่นได้บนช่องทางออนไลน์ เพื่อชิงชัยเพื่อเป็นที่ 1 ของตารางการแข่งขัน และในส่วนของสนามแข่งDisney Speedstorm gameplay เป็นสนามแข่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากDisney และ Pixar ดังนั้นธีมของสนามแต่ละสนามจึงทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในหนัง หรือ การ์ตูนของDisney และ Pixar เช่น ไพเรทส์ออฟเดอะแคริบเบียน (Pirates of the Caribbean), The Jungle Book, The Scare Floor และ มู่หลาน เป็นต้น นอกจากนี้คุณยังสามารถแต่งตัวละคร และ รถแข่งของคุณได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้คุณเพลิดเพลินกับการแข่งขันในสนาม และแต่งเติมตัวละครและรถแข่งคันโปรดได้แบบไม่มีขีดจำกัด

Graphical user interface

Description automatically generated

Disney Speedstorm เกมคอนโซลที่รองรับทุกแพลตฟอร์ม

สำหรับDisney Speedstorm เป็นเกมคอนโซล แนว Simulator ที่เตรียมเปิดให้เล่นได้บนทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง PC บน Steam และ Epic Games, DisneySpeedstorm Nintendo Switch และDisney Speedstorm ps5 โดยทั้งหมดนี้มีกำหนดการที่จะเปิดให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการภายในปี 2023 นี้ แต่สำหรับชาว Xbox และ Microsoft Store อาจจะต้องอดใจรออีกนิด นอกจากนี้สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดเกมนี้ก็สามารถเข้าไปติดตามข่าวสาร และช่องทางการดาวน์โหลดสำหรับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ที่Disney Speedstorm งานนี้ใครที่ไม่อยากพลาดความเมามันแบบสุดปลอก เตรียมกำเงินรอได้เลย!

อ่านข่าวสารรถอื่น ๆ >> นักแข่ง F1 Jim Clark ตำนานผู้ล่วงลับ

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

นักแข่ง F1 Jim Clark ตำนานผู้ล่วงลับ

นักแข่ง F1

Jim Clark นักแข่ง F1 ผู้ล่วงลับที่สร้างตำนานที่น่าจดจำให้กับผู้ชมและเพื่อนร่วมอาชีพ ก่อนที่จะจากไปตลอดกาลในวัย 32 ปี จากอุบัติเหตุจากการแข่งรถ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขารักที่สุด และนอกจากนี้แล้วหากเล่าในเรื่องของเส้นทางการเป็นนักแข่งของเขาก็เรียกได้ว่า ฝีมือในการแข่งของเขาก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับชายคนนี้มากขึ้นผ่านประวัติ และผลงานอันน่าทึ่งของเขา

ประวัติ Jim Clark นักแข่ง F1 แชมป์โลก 2 สมัย ที่มีประวัติน่าสนใจไม่น้อย 

นักแข่ง F1

หากกล่าวถึงนักแข่ง F1 ที่เป็นหนึ่งในตำนาน Jim Clark คงต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน โดย Jim Clark คือนักแข่งรถสูตรหนึ่ง (Formula One) ชาวอังกฤษจากสกอตแลนด์ เกิดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 1936 และเป็นผู้ชนะการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2 รายการ จากการแข่งขัน Formula One ในปี 1963 และ 1965 ภายใต้สังกัดทีม Lotus และนอกจาก Jim Clark จะลงแข่งขัน F1 แล้ว เข้ายังเข้าร่วมการแข่งขันอื่น ๆ อีกหลายรายการทั้งการแข่งขันรถอเนกประสงค์ แข่งขันรถสปอร์ต และรถทัวริ่ง เป็นต้น ดังนั้นจึงทำให้เขากลายเป็นหนึ่งใน นักแข่งรถ ที่มีฝีมือไม่ธรรมดาเลยทีเดียว 

โดยเส้นทางการเป็นนักแข่งของเขาเริ่มขึ้นในช่วงที่เขากำลังเป็นวัยรุ่นด้วยการแข่งรถแรลลี่และการขับรถไต่เขา ที่จัดขึ้นในท้องถิ่น โดยเขาได้ใช้ Sunbeam-Talbot สำหรับการแข่งขัน ซึ่งคนคันนั้นก็เป็นรถของเขาเองการ และจากการแข่งขันในครั้งนั้น ก็นับว่าเป็นหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ให้กับพ่อแม่ของเขา และเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่น ๆ ได้เห็นว่า เขาเป็นนักแข่งที่น่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว และหลังจากนั้น Jim Clark ก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการแข่งรถอย่างเต็มตัว

นักแข่ง F1

หลังจากนั้น Jim Clark ก็ได้สังกัดทีมต่าง ๆ หลากหลายทีม รวมไปถึงการเข้าร่วมการแข่งขันหลากหลายรายการ เช่น 24 Hours of Le Mans, Formula One, Indianapolis 500 และ Tasman Series เป็นต้น ซึ่งในการแข่งขันต่าง ๆ เขาก็สามารถทำออกมาได้ดีเป็นอย่างยิ่ง จนเขาสามารถคว้าแชมป์และยังคงมุ่งมั่นจนสามารถคว้าแชมป์โลกมาได้ทั้งหมด 9 สมัยก่อนที่จะมีข่าวน่าเศร้าเกี่ยวกับนักแข่ง f1 เสียชีวิต ขึ้นในปี 1968 ด้วยวัย 32 ปี จากการแข่งขันในรายการ European Formula Two ที่สนามฮอกเคนไฮม์ริง ประเทศเยอรมนี และครั้งนั้นก็นับว่าเป็นหนึ่งในการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในวงการรถแข่งอีกครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้

การจากไปดังอัศวินของ Jim Clark นักแข่งรถระดับโลก 

หลังจากที่นักแข่ง F1 อย่าง Jim Clark ได้จากไปจากการแข่งขันในครั้งนั้น หลายคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า วิธีการขับรถระหว่างการแข่งของจิมนั้น อยู่ห่างไกลจากการที่จะสามารถเกิดอุบัติเหตุระหว่างการแข่งเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นกลับเกิดขึ้นจาก “รถแข่งยางระเบิด” ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดถึงเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นด้วยเกียรติยศอันสูงสุดหลังจากที่เขาจากไป ยังได้มีการผลิตเหรียญ Jim Clark O.B.E ซึ่งเหรียญนี้เป็นการระลึกและอาลัยถึง จิม คลาร์ก นักกีฬาผู้ยิ่งใหญ่ โดยผลิตออกมาทั้งหมดเพียง 5,000 เหรียญเท่านั้น และที่สำคัญเขายังเป็น นักแข่งรถ F1 ที่สร้างผลงานอันยอดเยี่ยม และเป็นนักแข่งที่เคารพต่ออาชีพการเป็นนักแข่งตลอดชีวิตของเขา

อ่านข่าวสารวงการรถอื่น ๆ >> เตรียมพบกับ Wreckreation เกมแข่งรถโคตรบ้าระห่ำ

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

เตรียมพบกับ Wreckreation เกมแข่งรถโคตรบ้าระห่ำ

Wreckreation

Wreckreation เกมแข่งรถที่พัฒนาโดย Three Fields Entertainment สตูดิโอพัฒนาวิดีโอเกมสัญชาติอังกฤษ ที่พัฒนาเกมสนุก ๆ แถมความมันทะลุมิติ ออกมาหลายเกม ซึ่ง Wreckreation ก็นับว่าเป็นหนึ่งในนั้น โดยเกมนี้เป็นเกมที่เตรียมจะเปิดให้ดาวน์โหลดภายในปี 2023 นี้ แต่หากย้อนไปในปี 2022 ที่ผ่านมา ทางผู้พัฒนาได้มีการปล่อย Trailer เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยของแฟน ๆ ซึ่งงานนี้บอกได้คำเดียวเลยว่า “โคตรดุ”

พรีวิว Wreckreation เกมภาคต่อจาก Dangerous Driving 

Wreckreation เป็นเกมที่แต่เดิมแล้ว ควรจะมีชื่อว่า Dangerous Driving 2 ซึ่งตัวเกมในภาคแรกถูกเปิดตัวและวางจำหน่ายไปตั้งแต่ปี 2019 และในช่วงนั้น Dangerous Driving ก็นับว่าเป็นเกมที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอย่างยิ่ง แต่ก่อนหน้าที่เกมภาค 2 จะเปิดตัว THQ Nordic ผู้จำหน่ายเกมชื่อดังอย่าง Spongebob Squarepants: The Cosmic Shake, Superpower 3 และ MX Vs ATV Legends เป็นต้น ก็ได้เข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่าย จึงทำให้ทีมผู้พัฒนาเกมตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเกม และ เลื่อนวันเปิดตัวและวางจำหน่ายออกไป 

โดยWreckreation 2023 เป็นเกมแข่งรถอาร์เคด Open World ที่การแข่งขันภายในเกมจะต้องแข่งขันด้วยความเร็วสูง การชน การแสดงโลดโผน และการสำรวจ อีกทั้งคุณยังสามารถออกแบบสนามแข่งได้ด้วยตัวคุณเอง ทั้ง วางทางกระโดด ทางลาดผาดโผน ท่อ และสิ่งกีดขวางเคลื่อนที่ได้ รวมไปถึงการสร้างถนนได้ทุกสไตล์ และสร้างไปได้ในทุกที่ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า หรือ ออกทะเล เป็นต้น 

Wreckreation

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น การฟังเพลงระหว่างการเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็น วิทยุ FM ที่มีให้เลือกมากถึง 16 สถานีตั้งแต่ Disco ไปจนถึงแนวเพลง Gospel หรือจาก Movie Music ไปจนถึง Smooth Jazz คุณยังสามารถสตรีมจากบัญชี Premium Spotify ของคุณได้อีกด้วย หรือจะเป็นฟีเจอร์ที่ให้คุณสามารถเลือก และ ปรับเปลี่ยนช่วงเวลาของวัน สภาพอากาศ และการจราจรภายในเกมได้ด้วยตัวเอง ซึ่งยิ่งสภาพอากาศและสภาพการจราจรยิ่งแย่ขนาดไหน ความท้าทายของเกมก็มีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเกมนี้เป็น เกมแข่งรถ 2023 ที่ครบเครื่อง และมีฟีเจอร์ของเกมที่ให้มาแบบจัดหนัก จัดเต็มจริง ๆ 

Wreckreation

Wreckreationกมแข่งรถคอนโซล ที่รองรับทั้ง PS5, Xbox และ PC 

Wreckreationเป็นเกมแข่งรถบนคอนโซล ที่รองรับทุกแพลตฟอร์ม ยกเว้น Nintendo Switch (แอบเศร้านิด ๆ) ซึ่งบนเครื่อง PlayStation จะรองรับเฉพาะ PlayStation5 และWreckreation Xbox จะรองรับทั้ง Xbox One และ Xbox Series X|S ส่วนบน PC ก็สามารถดาวน์โหลดได้ง่าย ๆ ผ่าน Steam 

นอกจากนี้สำหรับวันเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของWreckreation บททุก ๆ แพลตฟอร์มยังไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา แต่เราคาดว่าภายในปี 2023 นี้ สาวกเกมแข่งรถมัน ๆ อย่างเราต้องได้เล่นเกมแข่งรถเกมนี้อย่างแน่นอน

อ่านข่าวสารรถอื่น ๆ >> Denza N7 รถรุ่นใหม่ที่ BYD ร่วมพัฒนากับ Benz พร้อมเผยโฉมปลายปีนี้

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

Denza N7 รถรุ่นใหม่ที่ BYD ร่วมพัฒนากับ Benz พร้อมเผยโฉมปลายปีนี้

Denza N7

Denza N7 คือรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ทาง BYD ร่วมพัฒนากับ Mercedes-Benz ซึ่งอย่างที่หลาย ๆ คนคงทราบกันดีว่า BYD เป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมระดับโลก ที่มีสินค้าภายใต้การผลิตของแบรนด์หลากหลายอย่าง เช่น แบตเอรี่ลิเทียมไอ ออนฟอสเฟต และยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น และในส่วนของ Mercedes-Benz เองก็เป็นบริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี และแน่นอนเมื่อที่สุดของผู้ผลิตนวัตกรรมทั้ง 2 อย่างมาร่วมมือกันจึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้น่าจับตามองไม่น้อยเลยทีเดียว

Denza N7 รถยนต์ไฟฟ้าที่จะไม่ได้เป็นแค่ Concept Car

Denza N7

Denza N7เป็นหนึ่งใน Concept Car ที่ BYD จับมือกับ Mercedes-Benz ในการพัฒนาภายใต้การผลิตของบริษัท Shenzhen BYD New Energy ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง BYD และ Mercedes-Benz Group โดยก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2010 และในปี 2014 ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัวDenza EV/500 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ที่สามารถเดินได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่คล้ายคลึงกับ Mercedes-Benz EQS และรถรุ่นนี้ถูกวางขายในบางพื้นที่ของประเทศจีนเท่านั้น

หลังจากนั้นDenza ก็ได้เปิดตัวรถยนต์อีก 2 รุ่น ได้แก่Denza X (ปี 2019 – 2021) และ Denza D9 (ปี 2021) และในปีนี้เองทางแบรนด์ก็ได้ประกาศที่จะเปิดตัวDenza N7 รถยนต์ SUV 5 ที่นั่ง พร้อมกับปล่อยภาพออกมา ซึ่งก็สามารถเรียกเสียฮือฮาจากแฟน ๆ ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากนี้Denza N7 SUV ยังคาดว่าน่าจะวางขายอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2023 นี้ และในส่วนของเรื่องขุมพลังของรถรุ่นนี้ก็ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา แต่เราเชื่อว่าด้วยความสามารถในการพัฒนาของทางแบรนด์เองรถยนต์รุ่นนี้น่าจะสามารถวิ่งได้ไกลเกิน 350 กิโลเมตรอย่างแน่นอน

รถไฟฟ้าDenza N7 ที่ตกแต่งลงตัวด้วยเอกลักษณ์ของ 2 แบรนด์

ตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่าDenza N7 เป็นรถที่ BYD และ Mercedes-Benz ได้ร่วมลงทุน และร่วมกันพัฒนา ดังนั้น รถยนต์ไฟฟ้า SUV รุ่นนี้จึงมีดีไซน์ และถูกตกแต่งให้มีเอกลักษณ์จากทั้ง 2 แบรนด์ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะภายในของรถรุ่นนี้ที่ถูกตกแต่งให้มีความหรูหรา และความล้ำสมัยอย่างลงตัว เผยโฉมให้เห็นครั้งแรกภายในงาน Chengdu Auto Show ที่เกิดขึ้นในเดินสิงหาคมที่ผ่านมา 

นอกจากนี้สำหรับการโดยสาร 5 คนบนรถคันนี้ก็ค่อนข้างจะไม่แออัดหรือไม่เบียดเสียดจนเกินไป เพราะนอกจากรถรุ่นนี้จะเป็น SUV ที่มีขนาดตัวรถภายนอกที่เป็นไปตามมาตรฐานของรถประเภทนี้แล้ว หลังคาของรถยังมี Sun Roof ที่มีความกว้าง และยาวตั้งแต่ห้องโดยสารด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง ดังนั้นจึงช่วยให้รถมีความโปร่งมากขึ้นกว่าที่เคยนั่นเอง

อ่านข่าวสารวงการรถอื่น ๆ >> เปิดตัวโมเดล Prius 2023 ที่จะแปลงโฉมให้เป็น Plug in Hybrid

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

เปิดตัวโมเดล Prius 2023 ที่จะแปลงโฉมให้เป็น Plug in Hybrid

Prius 2023

เผยโฉมให้เป็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับ Prius 2023 โดยวันที่ 15 พฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมาทาง Toyota ได้ปล่อยภาพและข้อมูลของPrius เจเนอเรชันที่ 5 ออกมา และคาดว่า จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี2023 ที่จะถึงนี้ มาพร้อมกับระบบ Plug in Hybrid ถึงแม้ว่าจะนำพลังงานจากไฟฟ้ามาใช้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้า100% ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับรถยนต์รุ่นนี้ที่ทาง Toyota ปล่อยออกมาจะมีอะไรบ้างนั้น เรานำข้อมูลเหล่านั้นมาฝากเพื่อน ๆ แล้ว

สเปคของ Prius 2023 ที่เราจะได้สัมผัสของจริงในปีหน้านี้ 

Prius 2023

สำหรับPrius 2023 หรือ All-new Toyota PRIUS2023 นับว่าเป็นPrius เจเนอเรชันที่ 5 ที่คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกในปี2023 ที่จะถึงนี้ โดย Toyota Prius2023 จะมาพร้อมระบบใหม่ คือ Plug in Hybrid หรือ PHEV ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ที่ใช้พลังงานจาก 2 แหล่ง ได้แก่ มอเตอร์ไฟฟ้า และน้ำมัน ซึ่งจะคล้ายกับรถยนต์ไฮบริดทั่วไป แต่จุดเด่นของรถยนต์ที่เป็นระบบ PHEV คือ สามารถใช้งาน 2 ระบบได้พร้อมกัน ทำให้ขับขี่ได้ไกลมากขึ้น ลดการปล่อยมลพิษ มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันน้อยกว่า และที่สำคัญคือเลือกใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานใดก่อนก็ได้ ดังนั้นใครที่จะขับขี่รถยนต์ไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จแบตแต่อย่างใด

โดยPrius PHEV 2023 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 กระบอกสูบ 2.0 ลิตร แต่จะไม่มีระบบอัดอากาศเหมือนเดิม และเสริมแรงบิดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตำแหน่ง ที่ทำหน้าที่เสริมแรงขับเคลื่อน และเป็นเจนเนอเรเตอร์ปั่นไฟขณะวิ่งไปเก็บในแบตเตอรี่ และเมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ทำงานผสานกันจะมีกำลังแรงม้าอยู่ที่ 223 แรงม้า ซึ่งสำหรับPrius โฉมปัจจุบันจะมีกำลังอยู่ที่ 122 แรงม้าเท่านั้น และที่สำคัญยังมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.5 วินาที ซึ่งจะมีอัตราการตอบสนองที่ดี และเร็วกว่าเดิมนั่นเอง นอกจากนี้สำหรับการชาร์จเต็ม 1 ครั้งยังสามารถวิ่งได้ไกลถึง 94 กิโลเมตรเลยทีเดียว

คาดว่า Toyota จะนำเข้า Prius2023 ในไทยหรือไม่? 

หากใครที่ได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับการฟ้องร้องระหว่าง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมศุลกากร และกรมสรรพากรของประเทศไทย รวมทั้งหมด 10 คดี เกี่ยวกับกรณีของการผลิตรถยนต์Prius และจากกรณีดังกล่าวกลายเป็นว่าทาง Toyota ต้องชดใช้ภาษีให้กับกรมศุลกากร และกรมสรรพากรกว่า 1 หมื่นล้านบาท และจากกรณีดังกล่าว ทำให้หลาย ๆ คนเกรงว่า Toyota อาจจะไม่ตีตลาดPrius 2023 ในเมืองไทย แต่จากการคาดการของเราคาดว่า ทาง Toyota อาจจะยังทำเข้ารถยนต์รุ่นนี้มาจำหน่ายในไทยเหมือนเดิม แต่หากเป็นรถยนต์ไม่ได้ผลิตในไทยก็อาจจะทำให้รถยนต์รุ่นนี้สูงขึ้นกว่ารุ่นก่อน ๆ ที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งสำหรับราคา ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด แต่อาจจะมีความเป็นไปได้ว่าPrius 2023 ราคา น่าจะเริ่มต้นในหลักล้านบาทแน่นอน

อ่านข่าวสารวงการรถอื่น ๆ >> Mercedes-Maybach S-Class รถยนต์ Luxury Saloon รุ่นใหม่จาก Mercedes

ใครว่า ดอกยาง รถยนต์ไม่สำคัญ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจถ้ายังไม่รู้ความจริง !

Categories
Content

Mercedes-Maybach S-Class รถยนต์ Luxury Saloon รุ่นใหม่จาก Mercedes

Mercedes-Maybach S-Class

Mercedes-Maybach เป็นบริษัทในเครือ Mercedes-Benz ที่จะผสานทั้งงานศิลปะ Luxury และนวัตกรรมจากทั้ง Mercedes-Benz และ Maybach เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา ทางแบรนด์ได้เปิดตัว Mercedes-Maybach S-Class รถยนต์ Luxury Saloon 4 ที่นั่งออกมา หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวรถยนต์ SUV Mercedes-Maybach GLS ไปก่อนหน้านี้ 

Mercedes-Maybach S-Class Saloon 503 แรงม้า ที่ทั้งแรงและแสน Luxury

Mercedes-Maybach S-Class

สำหรับ Mercedes-Maybach S-Class มีชื่อรุ่นเต็ม ๆ ว่า Mercedes-Maybach S580 4MATIC Premium เป็นรถยนต์ที่มาพร้อม เครื่องยนต์ V8 Bi-turbo พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ปริมาตรกระบอกสูบขนาด 3,982 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 503 แรงม้า (370 กิโลวัตต์) ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที และในส่วนของกําลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 20 แรงม้า (15กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 200 นิวตันเมตร Top Speed 250 กม./ชม. และมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.8 วินาที 

สำหรับอุปกรณ์ และ การตกแต่งภายในของ Mercedes-Maybach S580 มาพร้อมหน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลางแบบ OLED ขนาด 12.8 นิ้ว เบาะที่นั่งทั้งหมดหุ้มด้วยหนัง Exclusive Nappa โดยเบาะนั่งคู่หน้า และคู่หลังเป็นแบบ multi-contour พร้อมฟังก์ชันนวด ENERGIZING 5 รูปแบบ และสามารถปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจํา 

นอกจากนี้ Mercedes – Maybach S Class 2022 นับว่าเป็นรถสำหรับผู้บริหารโดยเฉพาะ ดังนั้นเบาะ และ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในส่วนของห้องโดยสารด้านหลังจึงถูกออกแบบให้มีฟังก์ชันบางฟังก์ชันที่พิเศษกว่าด้านหน้า เช่น เบาะนั่งแบบ Exclusive พร้อมที่รองขาแบบปรับระดับ ระบบที่นั่งด้านหลังแบบ First-Class พร้อมโต๊ะทํางานแบบพับได้ ที่วางเท้าสําหรับผู้โดยสารด้านหลังฝั่งซ้าย ระบบนวดน่อง และ ม่านบังแดดประตูหลังซ้าย-ขวา และม่านบังแดดด้านหลัง ที่สำคัญยังสามารถเลื่อนขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้า เป็นต้น 

ระบบความบันเทิงและการสื่อสารที่ผู้ผลิตให้มา รุ่นนี้มาพร้อมระบบ Wireless charging สำหรับที่นั่งด้านหน้า และ ด้านหลัง, ช่อง USB Type-C, ระบบ MBUX Interior Assistant พร้อมระบบ Gesture Control 2.0 ซึ่งเป็นระบบสั่งงานด้วยท่าทาง, ระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียแบบ MBUX, ระบบสั่งการด้วยเสียง “Hey Mercedes”, ระบบมัลติมีเดีย MBUX entertainment พร้อมเชื่อมต่อ music streaming service, ระบบ Sound personalization, จอแสดงผล 2 ตำแหน่ง สำหรับห้องโดยสารด้านหลัง พร้อมระบบมัลติมีเดีย, จอ (แท็บเล็ต) ควบคุมระบบมัลติมีเดีย MBUX บริเวณคอนโซลกลางสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® 3D surround sound system พร้อมลำโพงคุณภาพสูง 15 ตัว และ หูฟังแบบไร้สาย 2 ชุด สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เป็นต้น 

Mercedes Maybach S-Class ราคา 18,300,000 บาท พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ววันนี้

สำหรับ Mercedes-Maybach S-Class รุ่นที่เราพาทุกคนไปรู้จักกันในวันนี้ ปัจจุบันลูกค้าชาวไทยสามารถจองเป็นเจ้าของได้แล้ว และที่สำคัญสำหรับลูกค้าที่รับมอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 มกราคม 2566 จะได้รับ mercedes-maybach s580 ราคา 18,300,000 บาท ซึ่งเป็นราคาแนะนำ แต่สำหรับใครที่จองในช่วงปี 2023 นี้ อาจจะต้องสอบถามไปยังผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-มายบัคอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ เพื่อสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะราคารถของปีนี้ที่อาจจะมีการขยับขึ้นจะราคาแนะนำนั่นเอง 

อ่านข่าวสารรถอื่น ๆ >> GT World Challenge Asia ไทยเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพในสนามแรก

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

GT World Challenge Asia ไทยเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพในสนามแรก

GT World Challenge Asia

สำหรับ GT World Challenge Asia เดิมมีชื่อว่า Blancpain GT Series Asia และ Blancpain GTWorld Challenge Asia ซึ่งเป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2017 โดยในปีนั้นมี มาเลเซีย ไทย ญี่ปุ่นและ จีน เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน แต่สำหรับปี 2023 ที่จะถึงนี้ ไทย ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในสนามแรกสำหรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 – 14 พฤษภาคม 2023 นี้

FIST – Team AAI เตรียมคืนสังเวียน GT World Challenge Asia 

Team AAI หรือ AAI Motorsports เป็นทีมแข่งรถสัญชาติไต้หวัน ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1991 และนับว่าเป็นพันธมิตรที่ดีกับ BMW มาอย่างยาวนาน โดย FIST – Team AAI เป็นทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันในรายการGT World Challenge Asia ซึ่งเข้าร่วมครั้งแรกในปี ค.ศ. 2017 และหลังจากนั้นแฟน ๆ ก็ไม่ได้เห็นพวกเข้าในการแข่งขันหลายปี จนกระทั่งในGT World Challenge Asia 2023 พวกเขาก็ได้ยืนยันที่จะกลับมาสู้ในสังเวียนอังทรงเกียรติแห่งนี้อีกครั้ง 

โดยทางเว็บไซต์ Fanatec GTWorld Challenge Asia ได้เปิดเผยข้อมูล และ พาดหัวข่าวว่า “FIST – Team AAI confirms two-car full-season GT3 entry” โดยมีเนื้อหาใจความเกี่ยวกับการที่ทางทีม FIST – Team AAI จะกลับเข้ามาแข่งขันในรายการ Fanatec GTWorld Challenge Asia Powered by AWS ในปีนี้หลังจากที่ทางทีมได้ยืนยันว่าการแข่งขันในปีนี้จะใช้รถแข่งทั้งหมด 2 คัน คือรุ่น “M4 GT3” จาก BMW ซึ่งในการแข่งขันGT World Challenge Asia 2017 ทางผู้ผลิตอย่าง BMW ก็เคยออกแบบ M6 ให้ทางทีมใช้ในการแข่งขันเช่นเดียวกัน ซึ่ง BMW ก็นับว่าเป็นพันธมิตรที่ดีของ Team AAI มายาวนานตั้งแต่ปี 2013 เลยก็ว่าได้

GT World Challenge Asia

ตารางการแข่งขัน Blancpain GT Series Asia ปี 2023

ตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า GTWorld Challenge Asia หรือ Blancpain GT Series Asia ปี 2023 สนามแรกจะถูกจัดขึ้นที่ประเทศไทย โดย Fanatec GTWorld Challenge Asia 2022 Calendar หรือตารางแข่งในรายการแข่งขันดังกล่าวจะมีทั้งหมด 6 สนาม ได้แก่

  • Chang International Circuit (สนามช้าง) ประเทศไทย วันที่ 12 – 14 พฤษภาคม 2023 เวลา 17:00 น. (GMT) 
  • Fuji International Speedway ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 16 – 18 มิถุนายน 2023 เวลา 15:00 น. (GMT) 
  • Suzuka International Circuit ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 14 – 16 กรกฎาคม 2023 เวลา 15:00 น. (GMT)
  • Motegi ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 21 – 23 กรกฎาคม 2023 เวลา 15:00 น. (GMT) 
  • Okayama International Circuit ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 18 – 20 สิงหาคม 2023 เวลา 15:00 น. (GMT)
  • Sepang International Circuit ประเทศมาเลเซีย วันที่ 22 – 24 กันยายน 2023 (ยังไม่เปิดเผยเวลา) 

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากชมการแข่งขันแบบสด ๆ ทางบ้าน ก็สามารถเข้าไปชมไลฟ์การแข่งขันได้บนเว็บไซต์ https://www.gt-world-challenge-asia.com/live หรือ YouTube GTWorld แต่สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากเข้าชมการแข่งขันแบบติดขอบสนาม ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดจำหน่ายตั๋วเข้าชมของแต่ละสนามออกมา ซึ่งหากตั๋วเข้าชมการแข่งขันเปิดจำหน่ายเมื่อไร เว็บไซต์ของเราจะรีบนำมาอัปเดตให้เพื่อน ๆ ทันที

อ่านบทความอื่น ๆ >> Pagani Utopia ความสำเร็จครั้งใหม่ของ Pagani

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

Categories
Content

Mitsubishi Delica Mini เคคาร์ไซส์เล็ก น่ารักจากแดนปลาดิบ

Mitsubishi Delica Mini

Delica” เป็นรถยนต์อเนกประสงค์จาก Mitsubishi ที่การพัฒนาและวางขายมาอย่างยาวนานกว่า 55 ปี และล่าสุดกับการเฉลิมฉลองของรถรุ่นนี้ทางแบรนด์จึงได้เปิดตัว Mitsubishi Delica Mini เคคาร์ไซส์เล็กที่จะวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเท่านั้น

เปิดสเปคของ Mitsubishi Delica Mini เคคาร์ 4 ที่นั่ง ที่มีให้เลือกทั้งระบบสันดาปและไฮบริด

Mitsubishi Delica Mini

Mitsubishi Delica Mini ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในงาน Tokyo Auto Salon โดย Delica 2023 รุ่นนี้มีให้เลือกทั้งหมด 2 ระบบด้วยกัน ได้แก่ ระบบเครื่องยนต์สันดาป และระบบไฮบริด ซึ่งระบบเครื่องยนต์สันดาปนั้นจะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 660 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 52 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน – เมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที 

ในส่วนของระบบไฮบริด 2023Mitsubishi Delica mini จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Turbo Full Hybrid ขนาด 600 ซีซี ให้กำลังสูงสุดถึง 64 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน – เมตร ที่ 2,400 – 4,000 รอบต่อนาที และจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังถึง 2.1 แรงม้า ที่ 1,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 40 นิวตัน – เมตร ที่ 100 รอบต่อนาที มาพร้อม Lithium – ion Battery จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ และที่สำคัญคือมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ AWC

นอกจากนี้ภายในยังสามารถโดยสารได้ถึง 4 คน พร้อมเบาะหลังที่สามารถพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับบรรทุกของ ประตูของห้องผู้โดยสารเป็นแบบสไลด์ทั้ง 2 ข้าว ที่ทำให้สามารถเปิดประตูได้กว้างถึง 650 มม. และที่สำคัญภายในห้องโดยสารยังถูกออกแบบให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นช่องเห็นของที่ให้มาอย่างครบครัน รวมไปถึงที่วางแก้วที่จะถูกติดตั้งที่ด้านหลังพนักพิงของเบาะผู้โดยสารด้านหน้า เป็นต้น 

Mitsubishi Delica เปิดให้จองแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 ที่ผ่านมา

สำหรับMitsubishi Delica Mini จะเป็นรถยนต์ที่จะถูกวางขายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น โดยMitsubishi Delica mini ราคา จะอยู่ที่ตั้งแต่ 1,800,000 – 2,250,000 เยน หรือราว ๆ 457,953 – 572,441 บาท โดยจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในเดือนพฤษภาคมปีนี้ และเปิดให้จองไปตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งยอดของผู้ที่จองMitsubishi Delica mini 2023 ในวันดังกล่าวมีมากกว่า 4,000 คันเลยทีเดียว และทั้งนี้หากใครที่อยากเป็นเจ้าของรถเคคาร์สุดเท่จากญี่ปุ่นคันนี้ก็อาจจะต้องซื้อรถผ่านผู้นำเข้าอิสระ และราคาที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นจะเป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าในไทย และที่สำคัญรถรุ่นนี้ยังมีสีให้เลือกมาถึง 12 สี ซึ่งจะมีทั้งแบบทูโทน และ สีเดียวทั้งคัน 

อ่านข่าวสารวงการรถ >> Pagani Utopia ความสำเร็จครั้งใหม่ของ Pagani

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี